นายอิ่น เว่ยตง ประธานและซีอีโอ บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด (Sinovac Biotech) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า บริษัทได้เร่งเพิ่มกำลังการผลิต วัคซีน “โคโรนาแวค” (CoronaVac) ซึ่งใช้ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพื่อรับประกันว่าจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับประเทศต่างๆ ทั่วโลก บริษัทกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขยายกำลังการผลิต
โดยล่าสุดบริษัทได้ติดตั้งสายการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทำให้เพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ได้เป็น 1,000 ล้านโดสต่อปี นอกจากนี้ ซิโนแวคยังจะส่งออกวัคซีนกึ่งสำเร็จรูปไปยังบางประเทศ และช่วยสร้างสายการจัดเก็บและสายบรรจุภัณฑ์ท้องถิ่นในประเทศที่นำเข้าเพื่อยกระดับกำลังการผลิตและประสิทธิภาพของวัคซีนนอกประเทศจีนด้วย
ปัจจุบัน ซิโนแวคได้รับคำสั่งซื้อวัคซีนจากนานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งบราซิล อินโดนีเซีย ตุรกี ชิลี และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "เราหวังว่าวัคซีนจะช่วยปกป้องประชาชนทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น" ซีอีโอของซิโนแวคกล่าวกับสำนักข่าวซินหัว
วัคซีน “โคโรนาแวค” ได้รับอนุมัติการใช้งานกรณีฉุกเฉินในหลายประเทศแล้ว รวมถึงจีน อินโดนีเซีย บราซิล ชิลี และไทย ผู้บริหารของซิโนแวคยอมรับว่า โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดใหญ่และความต้องการวัคซีน ซึ่งจะไม่สามารถตอบสนองด้วยรูปแบบธุรกิจอุปสงค์-อุปทานปกติเพียงอย่างเดียว เนื่องจากวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ และบริษัทผู้ผลิตก็ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม
"เราจะขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องให้ได้ตามมาตรฐาน 1,000 ล้านโดสต่อปี” ผู้บริหารของซิโนแวคยืนยัน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ (Sinovac Life Sciences) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจในเครือซิโนแวค ไบโอเทค ที่ดูแลการวิจัยและพัฒนา ผลิตและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มวัคซีน และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง สามารถระดมทุนจากกลุ่มทุนนานาชาติซึ่งรวมถึงกลุ่มซีพีของไทย (เข้าถือหุ้น 15.03% ของซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ ในนามซีพี ฟาร์มาซูติคัล กรุ๊ป) ได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนอกจากซีพีแล้ว กลุ่มทุนอื่น ๆ ยังได้แก่ กองทุน“แอดวานซ์เทค แคปปิตอล”ของจีน และ กองทุน “วีโว่ แคปปิตอล” ของสหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาถือหุ้นรายละ 6.3% ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนจากเดิม 300 ล้านโดส/ปี ในปีที่ผ่านมา เพิ่มเป็น 600 ล้านโดส/ปีในปีนี้ (2564) ก่อนที่จะขยับสู่ระดับ 1,000 ล้านโดส/ปีตามเป้าหมายที่วางไว้
ขอบคุณ แฟ้มภาพซินหัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: