หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ Plainsite ว่า พบ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ราว 450 รายใน โรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัทเทสลา อิงค์ ในเมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างเดือนพ.ค.-ธ.ค. 2563 และในจำนวนนี้พบในเดือนธ.ค.ถึง 125 ราย
โรงงานดังกล่าวของบริษัท เทสลา ได้เปิดให้พนักงานกลับเข้าทำงานอีกครั้งเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการ ฝ่าฝืนมาตรการควบคุม ของหน่วยงานด้านสาธารณสุขท้องถิ่นที่ได้ประกาศใช้ มาตรการล็อกดาวน์ ในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อเดือนมี.ค. 2563 เพื่อควบคุม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนั้น โดยเจ้าหน้าที่มีความกังวลว่า โรงงานของเทสลาแห่งนี้อาจกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดแหล่งใหญ่หรือ ซูเปอร์สเปรดเดอร์ (Superspreader) เนื่องจากในบรรดาพนักงานจำนวนมากซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่โรงงานแห่งนี้ มีหลายรายมาจากเขตปกครองใกล้เคียง
ทั้งนี้ นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ได้เคยออกมาคัดค้านมาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าวอย่างชัดเจน และแสดงความเห็นไปในเชิงลดทอนความร้ายแรงของโรคโควิด-19 อยู่บ่อยครั้ง
ในเดือนพ.ค.ปี 2563 นายมัสก์ได้สั่งให้โรงงานแห่งนี้กลับมาดำเนินการผลิตรถยนต์อีกครั้ง และท้าทายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของพื้นที่เข้าจับกุมตัวเขา อย่างไรก็ดี หน่วยงานบริหารของเขตอาลาเมดา เคาท์ตี ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานนั้น เลือกที่จะเจรจากับบริษัทเทสลา อิงค์ ในประเด็นดังกล่าว และภายหลังก็ได้อนุญาตให้เปิดโรงงานต่อได้ โดยมีเงื่อนไขว่าพนักงานในโรงงานจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันต่างๆ อย่างเคร่งครัด รวมไปถึงรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของพื้นที่รับทราบ
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พนักงานของเทสลาได้มีการร้องเรียนเรื่องสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยในโรงงานอยู่หลายครั้ง โดยนิตยสารฟอร์บส์ได้มีรายงานออกมาเมื่อปี 2562 ว่า บริษัทเทสลา อิงค์ ถูกสอบสวนโดยสำนักงานบริหารความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการประกอบอาชีพของสหรัฐ (OSHA) และต้องจ่ายค่าปรับในความผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยในสถานที่ทำงานมากกว่าบริษัทคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: