ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊ก "Somchai Jitsuchon"เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 โดยมีเนื้อหาใจความดังต่อไปนี้
"ไม่อยากให้ถึงขนาดนี้เลย แต่มีความเป็นไปได้อยู่"
credit: เป็นโพสต์จาก FB: Sunt Srianthumrong (ไม่ใช่ของผมนะครับ ผมไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด แต่คิดว่าควรรู้แง่มุมนี้ครับ)
Covid-19: Red Alert ครั้งที่ 3: เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม และ Forced Major Lockdown ครับ
สถานการณ์ตัวเลขวันนี้ก้าวข้ามระดับที่อันตรายมากๆ หลายประการ ณ วันนี้เราหยุดหายนะไม่ทันแล้วครับ สิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็เพียงแค่ลดระดับความรุนแรงของการสูญเสียลง และรักษาชีวิตผู้คนไว้ให้ได้มากที่สุดครับ
ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ภายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ระบบสาธารณสุขของเราในหลายพื้นที่สำคัญ จะเริ่มล่มแล้วครับ ผมคิดว่าหมดเวลารอหรือลังเล เราต้องทำทุกอย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องตัวเอง ครอบครัว และพี่น้องร่วมชาติครับ
มาดูตัวเลขที่เตือนถึงระดับของสถานการณ์ที่ร้ายแรงกันครับ ถ้าคุณอ่านแล้วคุณรู้สึกกลัว นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง ความกลัวและความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้นที่เป็นหนทางพาเราไปสู่การอยู่รอดในวิกฤตระดับศตวรรษครับ
ตัวเลขและกราฟที่สำคัญ:
1. Total Cases แตะระดับ 3,640 ที่ %Increase สูงถึง 36% มากกว่า Wave#1 ทั้งเวฟภายในเวลาแค่ 10 วัน ซึ่งตัวเลขนี้ขนาด Wave#2 ยังใช้เวลาถึง 18 วัน เรามาถึงจุดนี้เร็วมาก
2. กราฟ Wave#3 ยืนยัน Exponential ของ British Variant ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ Doubling Day ยังคงอยู่ที่ 2-3 วันเท่านั้น
3. ถ้าไม่ Lockdown หรือมีมาตรการระดับ Hammer ภายในช่วงสงกรานต์ วันจันทร์ที่ 19 เม.ย. เปิดมาหลังสงกรานต์ ตัวเลขจะแตะระดับ 40,000
ความหมายของตัวเลขนี้ ในหายนะที่ผ่านมา:
1. Wave#1 ที่ EURO5 จะทำ Lockdown ภายใน 2-3 วันหลังจากเห็นตัวเลขประมาณนี้ และตัวเลขยังคงไปจบไกลมากที่ระดับ 200,000 - 400,000 ผู้เสียชีวิตระดับ 9,000 - 30,000 คนในแต่ละประเทศ และตัวเลขนี้เป็นจริงที่ Philippines ด้วย
2. ระบบสาธารณสุขล่มแน่นอน
3. บันได 5 ของหายนะที่เราต้องเตรียมตั้งรับคือ ระบบตรวจเชื้อไม่พอ เตียงไม่พอ เครื่องช่วยหายใจไม่พอ หมอไม่พอ และขั้นสุดท้ายหลุมศพไม่พอ
4. ถ้าไม่ทำ Voluntary Lockdown ก็จะต้องโดน Forced Lockdown อยู่ดีเพราะระบบสาธารณสุขล่ม แล้วถ้ายังฝืนต่อ ก็จะเจอ Natural Lockdown คือคนไม่กล้าออกจากบ้านเพราะมีศพที่เก็บไม่ทันอยู่บนฟุตบาทริมถนนหน้าบ้าน
สิ่งที่เราควรร่วมมือกันทำทุกคน โดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อลดความสูญเสีย:
1. Lockdown เมืองที่เอาไม่อยู่แล้ว กรุงเทพฯปริมณฑล เชียงใหม่ ชลบุรี
2. ทุกจังหวัดทำ Provincial Seal ถ้าจังหวัดไหนเอาไม่อยู่แล้วก็ทำ Provincial Lockdown
3. ประชาชนทุกคนทำ Personal หรือ Family Lockdown อย่างน้อย 1 เดือน
4. ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ทำ Community Seal อย่างน้อย 1 เดือน
5. โรงงาน การผลิต ก่อสร้าง ทำ Factory/Site Seal เพื่อปกป้องการผลิตให้เดินหน้าต่อไปให้ได้
6. Stay Home, Work from Home ให้ได้มากที่สุด ใครทำได้ทำ เพื่อคนที่ทำไม่ได้ก็จะปลอดภัยมากขึ้น
7. ใครที่ออกไปจากกรุงเทพฯแล้ว ถ้าไม่จำเป็นอย่ากลับเข้ามา พยายาม Work from Home Town หรือ Staycation กรุงเทพฯจะไม่ใช่เมืองที่คุณอยากอยู่ในช่วง 1 เดือนข้างหน้านี้
8. อพยพผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย หรือทำ Family Seal ให้ได้มากที่สุด เรามีความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์แบบ Italy เมื่อครั้ง Wave#1 ถ้าทุกคนยังจำข่าวได้ พวกเขาสูญเสียคนในวัย ปู่ย่าตายาย ไปเป็นจำนวนมาก ผมว่ามันเป็นความตายที่ไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลย
สัปดาห์ที่จะถึงนี้สำคัญมากครับ ถ้าเราช่วยกันเราจะซื้อเวลาได้เพียงพอเพื่อตั้งหลักและกลับมาเอาชนะได้ในภายหลัง แต่ถ้าเรายังคงปล่อยปละละเลย ระดับความสูญเสียครั้งนี้จะสูงมาก ผมไม่อยากเห็นใครต้องมาสูญเสียชีวิต สูญเสียปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา พ่อแม่พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อน คนรัก หรือคนที่คุณแอบรัก
เพียงเพราะความอยากสนุกของใครบางคน เพียงเพราะความอยากจะดันตัวเลข GDP ของคนบางกลุ่ม พวกเราสามารถปกป้องกันและกันมาได้ปีกว่าๆแล้วนะครับ พวกเราปกป้องคนแก่ เด็ก คนท้อง คนกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่อ่อนแอต่อไวรัส โดยส่วนใหญ่มาได้ถึง 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ขอให้ช่วยกันเต็มที่ ทำอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อว่าเราจะทำได้แน่ๆถ้าตั้งใจกันทุกคนครับ
ประชาชนนี่แหละครับ ที่จะปกป้องกันเอง และเราจะทำสำเร็จครับ ไม่มีสิ่งใดในประเทศชาติที่จะสำคัญไปกว่าความสามัคคีและความมุ่งมั่นของประชาชน ขอให้ทุกท่านโชคดี และมีสุขภาพที่ดีครับ ดูแลตัวเองและครอบครัวครับ