วันที่ 15 เมษายน 2564 นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า กรณีภาคเอกชนให้ข่าวต้องการให้ อย. ปลดล็อกการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 หลังยื้อมานาน อีกทั้งได้ยื่นขอนำเข้าวัคซีนตั้งแต่ 6 เดือนก่อน จนปัจจุบันยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า อย. ไม่เคยปิดกั้นภาคเอกชนในการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 และเชิญชวนให้มาขึ้นทะเบียนนำเข้าวัคซีน โดยพร้อมอำนวยความสะดวก
สำหรับกรณีเอกชนที่ต้องการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เช่น โรงพยาบาลเอกชน ต้องมายื่นเป็นผู้รับอนุญาตนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักรก่อน จากนั้นจึงยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของตนอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล เนื่องจากผู้รับอนุญาตนำเข้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อคุณภาพและความปลอดภัยของวัคซีนที่ตนนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดย อย. จะพิจารณาทั้งความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล จึงได้จัดให้มีช่องทางพิเศษเพื่อรองรับการพิจารณาโดยเร็ว แต่ยังคงมาตรฐานสากล โดยใช้เวลาพิจารณาประมาณ 30 วัน หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วน
ปัจจุบันมีผู้มาติดต่อเกี่ยวกับการนำเข้าและขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 จำนวน 14 ราย ยื่นเอกสารและได้รับอนุมัติขึ้นทะเบียนแล้ว 3 ราย คือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม และวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด และอยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียน 1 ราย คือ วัคซีนของบารัต โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ซึ่งบริษัทยังยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน นอกนั้นเป็นบริษัทและโรงพยาบาลเอกชนที่มาปรึกษาและขอรับคำแนะนำในการขึ้นทะเบียนอีก 10 ราย แต่ยังไม่มีการมายื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนแต่อย่างใด กรณีผู้บริหารภาคเอกชนที่ให้ข้อมูลว่าได้ยื่นขอนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เมื่อ 6 เดือนก่อน และยังไม่ได้รับอนุมัติจาก อย. นั้น จึงไม่เป็นความจริง
รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า อย. ไม่ปิดกั้นเอกชนในการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 พร้อมยินดีที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนเข้ามาร่วมกันในการดูแลสุขภาพประชาชน ทั้งในมิติผู้รับอนุญาตนำเข้าวัคซีนของตนเอง และในฐานะผู้ให้บริการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ หากภาคเอกชนมีข้อสงสัยใด ๆ ในการนำเข้าและขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 สามารถติดต่อสอบถามกับ อย. ได้โดยตรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :