รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 24 เมษายน 2564...
ทะลุ 146 ล้านไปแล้ว ส่วนอินเดียยังทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดติดเพิ่มอีกกว่าสามแสนสี่หมื่นคน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดตอนนี้คือ อินเดีย บราซิล อเมริกา ตุรกี และฝรั่งเศส เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 893,379 คน รวมแล้วตอนนี้ 146,192,899 คน ตายเพิ่มอีก 14,250 คน ยอดตายรวม 3,098,175 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 64,376 คน รวม 32,733,497 คน ตายเพิ่ม 716 คน ยอดเสียชีวิตรวม 585,001 คน อัตราตาย 1.8%
อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 345,147 คน รวม 16,602,456 คน ตายเพิ่ม 2,621 คน ยอดเสียชีวิตรวม 189,549 คน อัตราตาย 1.1% ขณะนี้จำนวนการเสียชีวิตต่อวันของอินเดียสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บราซิล ติดเพิ่ม 65,971 คน รวม 14,238,110 คน ตายเพิ่มถึง 2,866 คน ยอดเสียชีวิตรวม 386,623 คน อัตราตาย 2.7%
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 32,340 คน ยอดรวม 5,440,946 คน ตายเพิ่ม 332 คน ยอดเสียชีวิตรวม 102,496 คน อัตราตาย 1.9%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,840 คน รวม 4,744,961 คน ตายเพิ่ม 398 คน ยอดเสียชีวิตรวม 107,501 คน อัตราตาย 2.3%
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน
ตุรกีตอนนี้มีแนวโน้มติดเชื้อในแต่ละวันลดลง ล่าสุดต่ำกว่าห้าหมื่น อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะแซงรัสเซียขึ้นเป็นอันดับ 5 ได้ภายในสัปดาห์หน้า
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
ฟิลิปปินส์นั้นดูแล้วเพิ่งพ้นจุดพีคของระลอกสองมาตอนต้นเดือนเมษายน ปัจจุบันติดเพิ่มราวเก้าพันถึงหมื่นกว่า คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมียอดรวมเกินล้านคน
ญี่ปุ่นติดเพิ่มถึง 5,465 คน ตอนนี้กำลังเป็นขาขึ้นของระลอกสี่อย่างชัดเจน คาดว่าช่วงพีคของเค้าน่าจะราวสัปดาห์ที่ 1-2 ของพฤษภาคม
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า
แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน เวียดนาม ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
เกาหลีใต้ตอนนี้ดูทำท่าว่าจะขึ้นระลอกสี่ อาจต้องติดตามไปอีกระยะ คาดว่าหลังกลางพฤษภาคม น่าจะเห็นชัดเจน
สถานการณ์ไทยเรา การระบาดรุนแรง กระจายไปทั่ว ทุกเพศทุกวัย หลายหลายอาชีพ และหากสังเกตจะพบว่ามีหลายต่อหลายเคสที่อาจหาต้นตอที่มาของการติดเชื้อได้ยาก อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมาหลายครั้งว่า พอเข้าสู่ธรรมชาติการระบาดระยะที่สามเช่นนี้ (และนี่ก็เป็นระลอกสามด้วย) ซึ่งเป็นการแพร่กระจายในชุมชนไปอย่างต่อเนื่อง การควบคุมการระบาดจะทำได้ยากยิ่งนัก ยิ่งมีจำนวนมากเท่าไหร่ ยิ่งคุมได้ยากและใช้เวลายาวนานขึ้นตามลำดับ
ตามหลักการแล้ว วิธีที่จะมีประสิทธิภาพในการจัดการการระบาดระยะสามนี้คือ การขอให้คนอยู่กับที่ งดการเคลื่อนไหว ตรวจให้มากและครอบคลุม แยกกักตัวผู้ติดเชื้อและดูแลรักษาให้หายดี
ปัญหาของเราตอนนี้คือ ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหว ศักยภาพการตรวจมีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ และระบบไม่สามารถรองรับปริมาณผู้ติดเชื้อเพื่อแยกกักตัวและดูแลรักษาได้อย่างเพียงพอ
การแแก้ไขปัญหาจึงต้องทำทั้ง 3 เรื่องนี้พร้อมกันอย่างเต็มที่่ หากไปทำเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คงไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคยกระตุ้นเตือนมาตลอดให้มีการวางทิศทางนโยบายด้านสุขภาพ ให้ลดความเสี่ยงต่อการรระบาดซ้ำ เน้นย้ำเรื่องการป้องกันตัวเสมอ ระวังการ underestimate ความร้ายกาจของโควิด-19 จัดหาอาวุธที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายให้เพียงพอและทันเวลา พร้อมกับเน้นให้เพิ่มศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรคให้มากกว่าที่เคยมี เพื่อให้พร้อมรับมือกับการระบาดซ้ำซึ่งจะรุนแรงกว่าเดิม เพราะเหล่านี้คือหัวใจสำคัญที่เราเรียนรู้ได้จากบทเรียนของประเทศอื่นทั่วโลก ที่มีทั้งที่ประสบความสำเร็จ และที่ประสบความยากลำบากจากการระบาดรุนแรง
เชื่อว่าประชาชนทุกคนต่างล้วนให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ต่างทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ จนใกล้ถึงขีดสุดของระบบที่จะรองรับได้ และยังยืนยันที่จะอยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจเสมอ แต่ทิศทางนโยบายนั้นจำเป็นต้องพิจารณาปรับเพื่อให้รอดจากครั้งนี้ และป้องกันไม่ให้เกิดครั้งถัดไป และจะเป็นการปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นที่รักของเราทุกคนด้วย
สิ่งที่ประชาชนทุกคนพอจะทำได้ตอนนี้คือ ป้องกันตนเองและครอบครัวอย่างเต็มที่ อยู่บ้านเถิดนะครับ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริงๆ และใช้เวลาสั้นๆ ใส่หน้ากากเสมอ ปิดปาก ปิดจมูก หากไม่ลำบากเกินไป ให้ใส่ 2 ชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า จะช่วยให้ฟิตแนบชิดใบหน้ามากขึ้น และป้องกันได้ดีขึ้น พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว ล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งหลักจับต้องสิ่งของสาธารณะ ระวังการใช้สุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนชักโครก ล้างมือ และใส่หน้ากากเสมอ
เลี่ยงการกินดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรหยุดงานแล้วรีบไปตรวจรักษา หากเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน เชื่อว่าทุกอย่างจะช่วยบรรเทาปัญหาลงได้ไม่มากก็น้อย
ด้วยรักและห่วงใย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :