การระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 4 เมษายน25 64 มีผู้ติดเชื้อ1,763รายเสียชีวิต27ราย ขณะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความกัวลว่าอาจมีการหลบหนีข้ามแดนเป็นพาหะพาเชื้อ สายพันธ์ุอินเดียและแอฟริกาใต้ เข้าประเทศโดยเฉพาะจังหวัดยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย สะสม 86 ราย รักษาหายสะสม 17 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ส่วนผู้ที่กำลังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลยะลา จำนวน 30 ราย โรงพยาบาลเบตง 6 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 1 ราย และ โรงพยาบาลสนาม 30 ราย
นายสุชาติ อนันตะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือโควิด สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่ตอนนี้เราพบสายพันธุ์หลักๆ คือ อินเดีย อังกฤษ ที่กลัวตอนนี้คือจะกลายพันธุ์มาเป็นแอฟริกาใต้ สายพันธุ์นี้พบในมาเลเซีย ในตัวเลขมาเลเซียพบว่าผู้ป่วยในมาเลเซียประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ป่วยด้วยสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่ทางวิชาการห่วง คือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความสามารถในการปรับตัวเพื่อที่จะไม่ให้วัคซีนทำไรได้ จะทำให้วัคซีนอาจจะมีประสิทธิภาพน้อยลง ในช่วงแรกได้ประเมินสถานการณ์ว่าจากกรณีการผลัดดันแรงไทยของมาเลเซีย ที่จะให้ออกนอกประเทศตัวเลขประมาณการจากกงสุล เดิมคิดว่าตัวเลขอยู่ที่ประมาณวันละ 500 คน แต่ว่าเอาจริงๆแล้วพอช่วงหลังเองทางมาเลเซีย ได้ผ่อนผันมาตรการ ทำให้แรงงานไทยสามารถอยู่ต่อได้
"สำหรับคนที่เดินทางเข้ากลับจากมาเลเซีย ทุกราย จะเข้ามากักกันในศูนย์สังเกตอาการ ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์นี้ในประเทศก็ยากขึ้น ถ้าพี่น้องกลับเข้ามาช่องทางที่ถูกกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าห่วงคือว่า ห่วงในกรณีของพ่อแม่พี่น้องที่กลับเข้ามาแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นผ่านช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน แล้วไม่ได้มากักตัว ถ้าติดเชื้อเข้ามาจะทำให้มีความน่าเป็นห่วงในการระบาดในพื้นที่บ้านเรา คงต้องฝากทางศูนย์ปฏิบัติการระดับอำเภอ ตำบลในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ถ้าเจอคนกลุ่มนี้ขอความร่วมมือให้เข้ามาสังเกตอาการในศูนย์สังเกตอาการ 14 วันเป็นอย่างน้อย" รองนายแพทย์ สสจ.ยะลา กล่าา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ได้ออกคำสั่งให้ทุกฝ่าย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตรวจคนเข้าเมือง ตชด.445 และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วางมาตรการจัดกำลังวางแผนบูรณาการร่วมออกลาดตระเวน เฝ้าระวังหมู่บ้านติดชายแดนมาเลเซียเพื่อป้องกัน กลุ่มคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซีย ที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ตามแนวชายแดนลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติ รอยต่อประเทศมาเลเซีย ในช่วงก่อนเทศกาลฮารีรายอ ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกา โดยเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวด ความถี่ขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองเบตงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตง ได้ออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดออกภายนอกเคหะสถานช่วงเวลา 22.00 - 04.00 น.เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ 1 - 18 พ.ค.64
ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความร่วมมือในการคัดกรองตามจุดต่างๆในเขตเทศบาลและที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงได้มีการตั้งจุดคัดกรองลงทะเบียนไทยชนะ เพื่อการติดตามหากมีการพบผู้มีอาการและกำหนดให้มีทางเข้า - ออก ตลาดเพียง 2 ช่องทาง เพื่อป้องกันการแออัด และเป็นการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ขณะที่บรรยากาศย่านการค้า ซึ่งถือว่าเป็นย่านการค้าที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าที่จำหน่ายนักท่องเที่ยว ต่างปิดตัวลงชั่วคราว โดยตั้งแต่มีการระบาดของโควิดระลอก 3 ซึ่งที่ผ่านมาอำเภอเบตงที่ไม่เคยมีการติดเชื้อในระลอก 1 และ 2 ปรากฏว่าในระลอกที่ 3 มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วย ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาไร้นักท่องเที่ยว ทำให้หลายร้านโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหาเช้ากินค่ำ ต้องปิดกิจการชั่วคราวทิ้งไว้แต่ร้านร้างว่างเปล่าลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง