ฉีดวัคซีนโควิด AstraZeneca มากกว่า 10 คน/ขวด ทำได้-เกิดประโยชน์-ประสิทธิภาพไม่ลดลง

21 พ.ค. 2564 | 03:30 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2564 | 10:31 น.

"สาธารณสุข" เผย "องค์การอนามัยโลก" ระบุ การฉีดวัคซีนโควิด AstraZeneca มากกว่า 10 คน/ขวด ซึ่งมากกว่าจำนวนโดสที่กำหนดไว้บนฉลากข้างขวด สามารถทำได้และเกิดประโยชน์ ประสิทธิภาพไม่ลดลง

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า ศบค. ได้อนุมัติแผนการกระจายเพื่อฉีดวัคซีนโควิด แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก รัฐบาลมีนโยบายให้ทั้งคนไทยและต่างชาติจะต้องได้รับการฉีดเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 ภายในเดือน ก.ย. 2564 โดยในเดือนมิถุนายนมีวัคซีนประมาณ 6.3 ล้านโดส จัดสรรให้กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดสูงจำนวน 2.5 ล้านโดส เพื่อควบคุมการระบาดให้สงบโดยเร็ว ส่วนที่เหลือจัดสรรไปยังจังหวัดต่างๆ เน้นในพื้นที่ระบาดสูง และพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด

สำหรับวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 ขวดบรรจุ 6.5 ซีซี และกำหนดไว้สำหรับฉีดจำนวน 10 โดส โดสละ 0.5 ซีซี จะมีปริมาณวัคซีนในขวดที่เกินมาอีกประมาณ 1.5 ซีซี จะมีวัคซีนเหลือในขวดฉีดเพิ่มได้อีก 1–2 คน เมื่อดูดวัคซีนอย่างประณีตด้วยเทคนิค Low Dead Space Syringes และจัดสรรไซริงค์พิเศษที่ช่วยดูดวัคซีนได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้ได้วัคซีนครบ 0.5 ซีซีแน่นอน และฉีดได้โดยไม่เหลือวัคซีนค้างในไซริงค์ ประสิทธิภาพวัคซีนจึงไม่ลดลง ทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้นถึงร้อยละ 10-20 ซึ่งองค์การอนามัยโลกเห็นว่า การฉีดได้มากกว่าจำนวนโดสที่กำหนดไว้บนฉลากข้างขวด สามารถทำได้และเกิดประโยชน์

สำหรับประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนนัดหมายฉีดวัคซีนได้ทั้งทางไลน์/แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" โรงพยาบาล/อสม.นัดหมาย หรือการลงทะเบียน On site โดยเริ่มการฉีดวัคซีนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไป คือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เจ้าหน้าที่ด่านหน้าและกลุ่มอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ รวมทั้งผู้มีอาชีพ/กิจการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน และกลุ่มพิเศษที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ บุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการฉีดก่อนเปิดภาคเรียน ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว ประชาชนทั่วไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง