“ดร.กนก”แนะรัฐบาลหามาตรการเสริมอุดรอยรั่วแก้โควิด-19

21 พ.ค. 2564 | 12:25 น.

“ดร.กนก”เอาใจช่วยรัฐคลี่คลายวิกฤติโควิด-19 เสียดายสกัดคลัสเตอร์ใหม่ไม่ได้ แนะเรียนรู้ข้อผิดพลาด คาดการณ์ล่วงหน้า หามาตรการเสริมอุดรอยรั่ว เร่งหาวัคซีนฉีดเด็กแรกเกิด-11 ปี และ 16-18 ปี 

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ว่า เอาใจช่วยให้รัฐบาลเร่งคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลต้องมีการคาดการณ์ล่วงหน้าทุกวัน แทนที่จะตามแก้ปัญหา แต่ต้องคิดดักล่วงหน้าว่าปัญหาจะเกิดอะไร เพื่อแก้ได้ทันท่วงที ต้องหาจุดอ่อน ข้อบกพร่อง อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ รวมถึงการจัดองคาพยพที่ต้องให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ให้เกิดความสับสน ที่สำคัญต่อการพลิกฟื้นคือ เรียนรู้ข้อผิดพลาดเพื่อแก้ปัญหา ยอมรับความผิดพลาดและปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 

“เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือการฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมาย ซึ่งในขณะนี้บางเรื่องทำได้ดีแล้ว แต่บางเรื่องยังทำได้ไม่ดีนัก เช่น การคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า เช่น การระบาดตามคลัสเตอร์ต่าง ๆ ไม่มีการคิดล่วงหน้า หลังเกิดเหตุการณ์ทำให้ไม่มีการป้องกัน จนเกิดคลัสเตอร์ซ้ำ ๆ ในชุมชนแออัด ตลาดสด ไปจนถึงแคมป์คนงาน การทำงานเชิงรุกเป็นเรื่องจำเป็นรีบด่วน แม้มีการทำอยู่ แต่ก็ยังไม่เท่าทันกับสถานการณ์ เหมือนรอเกิดคลัสเตอร์ก่อนแล้วจึงตามไปแก้ปัญหา ซึ่งไม่ทันกับการแพร่ระบาด 

จึงควรเรียนรู้ข้อผิดพลาดแล้วเร่งแก้ไขเสีย ถ้าทำได้จนสามารถหยุดยั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดใหม่ในชุมชนอื่น ก็จะถือว่าเป็นความสำเร็จของรัฐบาล อีกเรี่องที่สำคัญต้องเร่งปรับปรุงคือ ระบบหมอพร้อม ซึ่งต้องยอมรับว่ายังพร้อมไม่จริง แม้แต่ผมลงทะเบียนก็ยังประสบปัญหา ต้องเพิ่มขีดความสามารถของระบบ หรือหามาตรการเสริม อย่ามุ่งปกป้องว่าสิ่งที่ทำมาดีที่สุดแล้ว ต้องพร้อมแก้ไข ผมเชื่อว่าคนไทยพร้อมให้อภัย” ศ.ดร.กนก กล่าว

 

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในปัจจุบันเด็กมีความเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 มากขึ้น เพราะมีสำนึกในการป้องกันตัวเองต่ำ มีโอกาสติดเชื้อสูง ทั้งระหว่างเดินทาง และช่วงที่อยู่ในโรงเรียน รวมถึงการแพร่ระบาดกระจายไปยังครัวเรือน แต่ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับเด็กในประเทศไทย โดยจากข้อมูลในขณะนี้มีวัคซีนสำหรับเด็กเฉพาะอายุ 12-15 ปี เท่านั้น  คือยี่ห้อไฟเซอร์ ซึ่งรัฐบาลกำลังจัดหามาแล้ว แต่ยังมีปัญหาเด็กแรกเกิดถึงอายุ 11 ปี และ 16-18 ปี ยังไม่มีวัคซีนรองรับ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเร่งจัดหาเพื่อให้เยาวชนของชาติปลอดภัย