รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
การคิดจะหวังผลยุติศึกจากมาตรการ semi-lockdown, rapid antigen test, home isolation/community isolation, และฉีดวัคซีนมุ่งเป้าในผู้สูงอายุนั้น เกรงว่าจะมีโอกาสผิดหวัง จำเป็นต้องคำนึงถึงธรรมชาติของการระบาดทั้งในประเทศและทั่วโลก ทำความเข้าใจธรรมชาติของคนในสังคม และปัจจัยเชิงระบบอย่างครบถ้วน
ยังยืนยันว่าด้วยสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงยาวนานเช่นนี้ ยิ่งกระจายครบทุกจังหวัดติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ควรทำคือ
หนึ่ง ยุตินโยบายนำเข้านักท่องเที่ยว ชะลอการนำเงินกู้ไปฟื้นฟูเศรษฐกิจไปก่อน เพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
สอง Full national lockdown (ล็อกดาวน์) ตั้งเป้าไว้ 4 สัปดาห์ โดยเตรียมระบบสนับสนุนให้พร้อม
สี่ ทำทุกทางเพื่อนำเข้า mRNA vaccines มาใช้เป็นวัคซีนหลักให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่ใช่สำหรับปีหน้า แต่จำเป็นต้องทำตั้งแต่บัดนี้
ห้า ระหว่างนี้ให้พิจารณาปรับแผนวัคซีนต่อสู้ โดยใช้ Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) สำหรับอายุ 18 ปีขึ้นไป และAstraZeneca (แอสตร้าเซนเนก้า) มาเสริมสำหรับอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป หากใช้ในอายุน้อยกว่านั้นอาจต้องระวังผลไม่พึงประสงค์ให้ดี ที่สำคัญคือฉีดให้ครบสมบูรณ์ ไม่เล่นแร่แปรธาตุ
นี่คือ 5 เรื่องที่จะทำให้มีโอกาสยุติศึกการระบาดระลอกสามนี้ได้ และเป็นการปูทางสู่แผนการรับมือที่เข้มแข็งสำหรับอนาคต
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า
มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 9186 ราย
สะสมระลอกที่สาม 343,352 ราย
สะสมทั้งหมด 372,215 ราย
กลับบ้านได้ 5543 ราย
สะสม 238,701 ราย
เสียชีวิตเพิ่ม 98 ราย
สะสมระลอกที่สาม 2938 ราย
สะสมทั้งหมด 3032 ราย