หมอธีระเสนอ"ล็อกดาวน์"ทั้งประเทศ 4 สัปดาห์-ปูพรมตรวจหยุดโควิด-19 ระบาด

20 ก.ค. 2564 | 02:49 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2564 | 07:22 น.

หมอธีระแนะรัฐบาลและศบค.ทบทวนมาตรการ เสนอล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 4 สัปดาห์พร้อมปูพรมเชื้อโควิด-19 หลากหลายวิธีร่วมกันหยุดการแพร่ระบาด รวมถึงประกาศชะลอการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเปิดประเทศ

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 20 กรกฎาคม 2564 อเมริกามียอดสะสมทะลุ 35 ล้าน พรุ่งนี้รัสเซียจะเกิน 6 ล้าน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 408,503 คน รวมแล้วตอนนี้ 191,678,045 คน ตายเพิ่มอีก 6,706 คน ยอดตายรวม 4,112,402 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย อินเดีย อิหร่าน และรัสเซีย
อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 19,016 คน รวม 35,009,500 คน ตายเพิ่ม 94 คน ยอดเสียชีวิตรวม 624,943 คน อัตราตาย 1.8% 
อินเดีย ติดเพิ่ม 29,424 คน รวม 31,173,019 คน ตายเพิ่ม 372 คน ยอดเสียชีวิตรวม 414,513 คน อัตราตาย 1.3% 
บราซิล ติดเพิ่ม 15,271 คน รวม 19,391,845 คน ตายเพิ่มถึง 615 คน ยอดเสียชีวิตรวม 542,877 คน อัตราตาย 2.8% 
รัสเซีย ติดเพิ่ม 24,633 คน รวม 5,982,766 คน ตายเพิ่ม 719 คน ยอดเสียชีวิตรวม 149,138 คน อัตราตาย 2.5% 
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 4,151 คน ยอดรวม 5,871,881 คน ตายเพิ่ม 20 คน ยอดเสียชีวิตรวม 111,492 คน อัตราตาย 1.9%
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และอิตาลี ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น 
สหราชอาณาจักรมียอดติดเชื้อใหม่ต่อวันนั้นมากที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง คงต้องจับตาดูว่าหลังจากปลดล็อคดาวน์ไปเมื่อวานนี้แล้วจะทำให้การระบาดหนักขึ้นหรือไม่ ตามหลักการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว คงมีโอกาสสูง
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย อย่างชิลี สเปน เนเธอร์แลนด์ อิตาลี โปรตุเกส กรีซ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ญี่ปุ่น เมียนมาร์ เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน 
แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ในขณะที่อิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่น ทั้งนี้ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่ของอิหร่านสูงถึง 25,441 คน อยู่ในระดับใกล้เคียงกับยอดสูงสุดของระลอกสามที่ผ่านมาช่วงกลางเมษายนแล้ว
กัมพูชา สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และไต้หวัน ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่นิวซีแลนด์ ติดน้อยกว่าสิบ

สถานการณ์การระบาดของไทยตอนนี้ถือว่าหนักหน่วงมาก เพราะจำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวัน หากดูของเมื่อวานนี้ก็จะพบว่าสูงเป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และมีจำนวน active case มากเป็นอันดับ 6 แต่มีจำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติสูงเป็นอันดับ 3
หากเหลียวมองเพื่อนบ้านรอบไทยเรา ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ จะพบว่า แม้ประเทศต่างๆ จะระบาดมากเช่นกัน แต่ของเรานั้นหนักที่สุด 

เสนอล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 4 สัปดาห์
ทั้งนี้ไทยเรามีจำนวนการติดเชื้อเพิ่มรายสัปดาห์ สูงขึ้น 26% และจำนวนการเสียชีวิตเพิ่มรายสัปดาห์สูงขึ้น 30% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
ด้วยสถานะเช่นนี้ มาตรการที่จะตัดวงจรการระบาดจึงจำเป็นอย่างยิ่งยวด
สิ่งที่ต้องทำคือ การทำ Full national lockdown (ล็อกดาวน์) 4 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการปูพรมตรวจ โดยมีหลายวิธีการร่วมกันทั้งการตั้งจุดให้บริการตรวจให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ บริการตรวจโดยรถเคลื่อนที่ และการ knock the door and do the test รวมถึงการประกาศชะลอการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเปิดประเทศ
ที่สำคัญคือ การวางระบบสนับสนุนการดำรงชีพ อาหาร น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน ที่พักพิง การสื่อสาร และพลังงาน ให้พร้อมเพียงพอที่ทุกคนจะอยู่ได้ และทำการแจ้งระยะเวลาและความคืบหน้าให้กับประชาชนผ่านสื่อทุกช่องทางอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ
การเลือกใช้มาตรการจากเบาไปหนักนั้น โอกาสได้ผลน้อยมากสำหรับสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงและกระจายไปทั่วทุกจังหวัดแบบที่เรากำลังเผชิญอยู่ และจะยิ่งทำให้ต่อความยาวสาวความยืด ทรัพยากรของทั้งประเทศและของแต่ละครอบครัวจะยิ่งลดน้อยถอยลง ส่งผลต่อความสามารถในการยืนระยะต่อสู้กับโรคระบาดเช่นนี้ 

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากทำช้าเกินไป ประชาชนจำนวนมากจะไม่ไหว และจะไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการที่จะประกาศใช้ในอนาคตได้ จะมีโอกาสเกิดความโกลาหลขึ้นได้
จึงอยากเรียนให้ทางรัฐบาลและศบค.ได้โปรดทบทวนมาตรการ และเร่งเตรียมการให้พร้อมเถิด
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอเน้นย้ำเรื่องใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า ใส่ให้ปิดจมูกและปิดปากเสมอ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก 
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19)ในประเทศไทยวันที่ 20 กรกฎาคม 64 จากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวม 11,305 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,710 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 595 ราย  ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 397,612 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย หายป่วยเพิ่ม 6,557 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 268,782 ราย