นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (22 ก.ค.64) นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบ VDO Conference
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จของโครงการ Phuket Sandbox พร้อมชื่มชมการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน โดยพบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1-21 กรกฎาคม 2564 รวม 9,358 คน
ขณะที่ยอดการจองห้องพักตามมาตรฐาน SHA+ สะสมระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนอยู่ที่ 244,703 คืน คิดเป็นอัตราการเข้าพักร้อยละ 10.12 สร้างรายรับการท่องเที่ยว 534.31 ล้านบาท โดยที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการร่วมมือกันเพื่อควบคุมการระบาดให้ดี
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบมาตรการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วม ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น (7+7) โดยนักท่องเที่ยวพำนักภายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน และสามารถเดินทางท่องเที่ยวและต้องพำนักในพื้นที่อื่น ๆ อีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) มีกำหนดเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 สิงหาคม 2564
ทั้งนี้ สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจของคนในพื้นที่ร่วมกัน และพิจารณาจัดเตรียมแผนการดำเนินการบนระเบียบหลักเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกับการดำเนินการของ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เพื่อมุ่งเน้นความปลอดภัยและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ และ
ขณะเดียวกัน มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำรายละเอียดแผนการเชื่อมโยงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางระหว่างจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่นำร่องอื่น เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณาต่อไป และให้พิจารณาจัดทำแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุม ศบศ. และ ศบค. พิจารณาต่อไป
นายธนกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ตามข้อเสนอของทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามทั้งบริษัทเอกชนไทยและต่างประเทศ โดยการปรับข้อจำกัดต่าง ๆ และอำนวยความสะดวก เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว ประกอบด้วย
1. กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy global citizen)
2. ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy pensioner)
3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-from-Thailand professional)
และ 4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-skilled professional) โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเสนอในรายละเอียดต่อไป