"บริหารวัคซีนล้มเหลว" หมอมนูญชี้ไทย-ออสเตรเลียความเหมือนที่ไม่แตกต่าง

26 ก.ค. 2564 | 02:15 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2564 | 09:14 น.

หมอมนูญเผยบทเรียนประเทศออสเตรเลียคล้ายคลึงกับประเทศไทย ชี้ระลอกแรกสามารถหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีด้วยการล็อกดาวน์ และไม่เห็นความสำคัญของการสั่งวัคซีน สุดท้ายปัจจุบันวัคซีนมาไม่ทันต่อสถานการณ์

รายงานข่าวระบุว่า นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
ผมได้ฟังการบรรยายของศาสตราจารย์ นพ. Yahya Shehabi หัวหน้าห้องไอซียู รพ.
Monash University- Monash Health, Prince of Wales Clinical School of Medicine,
University of New South Wales ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมปีนี้ ในงานประชุม Asia Pacific Intensive Care Symposium  2021
เขาแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการเมือง เรื่องการล็อกดาวน์  ปิดแล้วเปิด เปิดแล้วปิดประเทศ โดยชี้ให้เห็นว่า ปีที่แล้วการแพร่ระบาดรอบแรกในประเทศออสเตรเลียไม่รุนแรง ประเทศออสเตรเลียสามารถหยุดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ด้วยการล็อกดาวน์ ออสเตรเลียเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่ถูกจัดให้มีความปลอดภัยสูง ได้รับคำชมเชยจากทั่วโลก แตกต่างจากประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาปีที่แล้วที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ประเทศเหล่านี้รู้แล้วว่าการล็อกดาวน์อย่างเดียวไม่ได้ผล จึงแข่งกัน (race) สั่งจองวัคซีนล่วงหน้าให้มากพอสำหรับประชาชนของแต่ละประเทศ 

ขณะนั้นประเทศออสเตรเลียกลับไม่เห็นความสำคัญของวัคซีนเท่าที่ควร เกิดจากความพึงพอใจในความสำเร็จ (complacency) ด้วยการล็อกดาวน์ครั้งแรกโดยไม่เตรียมหาวิธีอื่นสำหรับต่อสู้กับการแพร่ระบาดในรอบต่อไป ประเทศออสเตรเลียไม่แข่งกับประเทศอื่นในการสั่งจองวัคซีนให้ประชาชนของตนเอง สุดท้ายจัดหาวัคซีนไม่ทันสถานการณ์
ขณะนี้ประเทศออสเตรเลียฉีดวัคซีนครบ 2 โดสให้กับ 11% ของประชากรเท่านั้น โรคโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่นำไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง ปีที่แล้วการล็อกดาวน์สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลทำให้จีดีพีประเทศออสเตรเลียลดลงมากกว่า 20%  วันที่ 22 กค.ปีนี้นายกรัฐมนตรีประเทศออสเตรเลียออกมายอมรับและขอโทษในความล่าช้าจัดหาวัคซีนให้ประชาชน (ดูรูป) 

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียขอโทษประชาชน
ประเทศไทยไม่ต่างจากประเทศออสเตรเลีย การระบาดรอบแรกปีที่แล้วไม่รุนแรง ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคโควิด-19 ได้ด้วยการล็อกดาวน์  ไทยจัดอยู่ในอันดับ 4 ของโลกรองจากประเทศนิวซีแลนด์ เวียดนาม และไต้หวันที่ควบคุมการระบาดของโรคได้ดีที่สุด ได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลก ปีที่แล้วประเทศไทยไม่แข่งกับประเทศอื่นๆในการทำสัญญาสั่งจองวัคซีนล่วงหน้าเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย 

วันนี้เรากำลังเผชิญกับการระบาดใหญ่รอบที่ 3 ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีการติดเชื้อมากเป็นอันดับที่ 47 ของโลก ไทยฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชน 17 % นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแสดงความเสียใจที่วัคซีนมาช้า (ดูรูป)

นายกรัฐมนตรีไทยเสียใจวัคซีนมาช้า

วันที่ 21 กค.ปีนี้ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติออกมากล่าวคำขออภัยประชาชนที่วัคซีนมาช้า ไทยกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก ยังไม่รู้อนาคตจะจบกันอย่างไร
สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยนั้น จากการรายงานของศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 28 ก.พ.-24 ก.ค.64 "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า มีการฉีดสะสมจำนวน 15,869,844 โดส โดยแบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 12,226,845 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,642,999 ราย