นาย วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง เงินบาทที่อ่อนค่าลง และมีความผันผวนว่า หลังสถานการณ์ โควิด-19 ตลาดเงินจะมีความผันผวนสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดเงินตลาดทุนที่เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ เพราะมีสภาพคล่องส่วนเกินที่ออกมาจำนวนมากในโลก จากการที่ธนาคารกลางของประเทศหลักๆได้อัดฉีดสภาพคล่องเพื่อจะช่วยแก้ปัญหาโควิด-19
ประกอบกับ การแพร่ระบาดในหลายประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูงและกระทบต่อภาคเศรษฐกิจมาก และมีสภาพคล่องส่วนเกินสูงในระบบการเงินโลก ทำให้เกิดความผันผวนได้เมื่อมีข่าวโดยไม่มีข้อมูลใหม่ๆเช่นเดียวกันกับเรื่องค่าเงินบาท อัตราแลกเปลี่ยนก็เช่นเดียวกันที่มีปัจจัยนอกเหนือการควบคุม เนื่องจากมีทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ที่ผ่านมาอาจจะมีกระแสเงินไหลออกหรือเรื่องความไม่แน่นอนจะกระทบเศรษฐกิจไทย เช่น ภาคการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ไปนานพอสมควร บวกการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศอาจจะสร้างความกังวลให้ต่างชาติซึ่งอาจจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆและดอลลาร์ด้วย
"เป็นจังหวะของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ต้องคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและพิจารณาใช้เครื่องมือเพื่อล็อคเรตล่วงหน้า สำหรับรายได้ที่จะได้รับจากการส่งออกในอนาคต เนื่องจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศมากด้วยจึงต้องให้ความต่อการกระจายความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนการไหลออกของเงินลงทุนนั้น ไม่เป็นประเด็นที่ต้องกังวล เพราะไทยเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่เข้มแข็งเป็นกันชน แม้ว่าสถานการณ์โควิดจะส่งผลกระทบด้านส่งออกด้านท่องเที่ยวค่อนข้างแรงแต่คาดว่าปีนี้ไทยยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดแม้จะน้อยลงกว่าปีปกติ ขณะเดียวกันไทยไม่ได้พึงหนี้ต่างประเทศมาก โดยในประเทศมีสภาพคล่องส่วนเกินสูงอรวมทั้งเงินฝากไหลกลับเข้าธนาคารพาณิชย์และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
"ฉะนั้น เมื่อมีเงินไหลออกบ้างในบางช่วง จึงไม่กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล โจทย์สำคัญโลกต้องเผชิญความผันผวนที่สูงขึ้นต่อเนื่องและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด"นายวิรไทกล่าว