ผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ส่งผลให้ เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทุกตัวชะลอตัวลงทั้งหมด ส่งผลให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ปรับลดประมาณการณ์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบถึง 8.5% ต่ำสุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่ปี 2541 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ เศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะติดลบถึง 8.5% ต่ำกว่าที่เคยประมาณการเดิมเมื่อต้นปีที่ 2.8% และต่ำกว่าปีก่อนที่ขยายตัว 2.4% และยังเป็นระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ นับจากช่วงเกิด วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2541 ซึ่งขณะนั้น เศรษฐกิจชะลอตัวถึง 7.6% ด้วย โดยทั้งหมดเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว 2.6% การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว 12.6% มูลค่าการส่งออกชะลอตัว 11% การนำเข้าชะลอตัว 14.2%
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 2 จาก เศรษฐกิจ ที่ติดลบมากกว่า 10% โดยเชื่อว่า จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และดีขึ้นอีกในไตมาสที่ 4 ได้ โดยคำนวณจากสมมุติฐานจากการเติบโตของ เศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่คาดการณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 15 ประเทศติดลบ 4.1% ต่ำกว่าปี 2562 ที่ขยายตัว 3.1% แต่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นบ้าง รวมถึงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลงบ้าง ก็จะส่งผลดีให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าในปีนี้จะคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยเพียง 6.8 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 3.4 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามาตรการเยียวยาต่างๆ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศที่รัฐบาลออกมา จะสามารถช่วยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีแรงส่งให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังยืนยันว่า พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยจะเน้นการบริโภคในประเทศ แต่จะต้องออกในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมไปถึงข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้ออกมาตรการช้อปช่วยชาติในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ด้วยเช่นกัน
"หวังว่าโควิดจะคลี่คลายลงในเร็วๆ นี้ และจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับเพิ่มเข้ามาได้ โดยหากทุกอย่างดีขึ้น คาดการณ์ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4-5% และการส่งออกจะกลับเป็นบวกได้ที่ 5% ส่วนตัวตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าจะเข้ามาอย่างน้อย 15-16 ล้านคนได้ ดังนั้นกระทรวงการคลังยังไม่มีแผนในการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติม แม้ว่าจะมีเม็ดเงินเยียวยาก้อน 600,000 ล้านบาท เหลืออีกประมาณ 200,000 ล้านบาทก็ตาม ซึ่งเราจะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น"นายลวรณ กล่าว
ส่วนเศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายน 2563 ยังชะลอตัว แม้ว่า จะปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนพ.ค. เพราะได้ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การบริโภคเอกชนปรับตัวดีขึ้นบ้าง สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 3.4% และการลงทุนภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณดีขึ้น เห็นได้จากการนำเข้าสินค้าทุนและปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่หดตัวในอัตราที่ชะลอลงที่ -9% และ -26.4% แต่ก็ยังมีปัจจัยนอกประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออก และภาคการท่องเที่ยวที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง