กสิกรไทยจับทิศค่าเงินบาทปี 2564 คาดขยับแข็งค่าอยู่ในกรอบ 29.80-30.15 บาท/ดอลลาร์ เผยในรอบปี 2563 เงินบาทแข็งค่า 0.1% แต่เฉพาะช่วงหลังการเลือกตั้งในสหรัฐค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 4.1%”
ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 29.80-30.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ระหว่างวันที่ 4-8 มกราคม 2564 ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกและในไทย รายงานนโยบายการเงินของธปท. และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ จีน ยูโรโซน และอังกฤษ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนธ.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย. โดยเมื่อวันพุธ (30 ธ.ค. 2563) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 29.94 เทียบกับระดับ 30.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 ธ.ค.)
“ในรอบปี2563 เงินบาทแข็งค่า 0.1% เทียบที่ระดับ 29.94 บาท/ดอลลาร์ณ ช่วงเช้าเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. กับระดับ 29.97บาท/ดอลลาร์เมื่อสิ้นปีก่อน แต่หากเทียบเฉพาะช่วงหลังการเลือกตั้งในสหรัฐค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 4.1%”
อย่างไรก็ดี เงินบาทสามารถลดช่วงอ่อนค่าและกลับมาปรับตัวในกรอบที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบไม่จำกัดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 รอบแรกที่เริ่มคลี่คลายลง และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของนายโจ ไบเดนก็เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินในฝั่งเอเชีย รวมถึงเงินบาท
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องและหนุนให้ค่าเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงเดือนธ.ค. 2563 คือ การที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Monitoring List ในรายงานการประเมินนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ทางการไทยอาจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังมากขึ้นในการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และแม้เงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าในช่วงปลายปี แต่สัญญาณที่เสี่ยงมากขึ้นของการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ก็จำกัดกรอบการแข็งค่าไว้บางส่วน