นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 12 เดือน สะท้อนความกังวลในการปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางหลักในหลายประเทศลดการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วขึ้น และความคาดหวังในภาคบริการและท่องเที่ยวหลังจากเริ่มมีการนำเข้าวัคซีนมาเพื่อใช้ในประเทศ โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,496.78 จุด เพิ่มขึ้น 2.0% จากเดือนก่อนเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับเพิ่มขึ้น 1.6% ส่วน mai Index ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องปิดที่ 379.07 จุด เพิ่มขึ้น 6.4% จากเดือนก่อนสูงสุดในรอบ 2 ปี
ขณะที่ รายอุตสาหกรรมโดยเทียบกับสิ้นปี 2563 พบว่า กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการ ปรับตัวดีกว่าดัชนีหุ้นไทย ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 94,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 มีมูลค่าการซื้อขายสูง 126,923 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 นับตั้งแต่ตลท.เริ่มดำเนินการซื้อขาย
สำหรับนักลงทุนในประเทศยังคงมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 47.3% ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาดและเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาด้วยมูลค่า 30,283 ล้านบาท เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ซื้อสุทธิ 2,436 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ด้วยมูลค่า 18,609 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 14,110 ล้านบาท และในช่วง 2 เดือนแรกของปี นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 29,284 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีกิจกรรม IPO อย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 2 บริษัท ใน mai 1 บริษัท โดยเฉพาะการเข้าจดทะเบียนของบมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ทำให้ใน 2 เดือนแรกของปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN