ราคาทองปิดพุ่ง 38.9 ดอลลาร์ รับแรงหนุนดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ชะลอตัว

10 มี.ค. 2564 | 00:14 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2564 | 07:18 น.

ราคาทองปิดพุ่ง 38.9 ดอลลาร์ รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

ราคาทอง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 38.9 ดอลลาร์ หรือ 2.32% ปิดที่ 1,716.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 91.4 เซนต์ หรือ 3.62% ปิดที่ 26.183 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 23.1 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,175.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 22 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,292.20 ดอลลาร์/ออนซ์          

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.563% เมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.279%

การอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลง และมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.39% สู่ระดับ 91.9548 เมื่อคืนนี้          

นักลงทุนจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยสำนักงานของนายสเตนี โฮเยอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแถลงยืนยันว่า สภาผู้แทนราษฎรได้รับร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากวุฒิสภาแล้ว และจะพิจารณาเพื่อลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้ (10 มี.ค.) โดยหากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็จะส่งต่อไปยังปธน.ไบเดนเพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ เพื่อดูท่าทีของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ