ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,730.89 จุด เพิ่มขึ้น 53.62 จุด หรือ +0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,124.66 จุด ลดลง 16.93 จุด หรือ -0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,857.84 จุด ลดลง 138.26 จุด หรือ -0.99%
ดัชนีดาวโจนส์ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่ง 2.34% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่ง 5.61% หลังธนาคารดังกล่าวเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกพุ่งขึ้นอย่างมาก ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 1.85% แม้เปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้นเกือบ 400% ก็ตาม
หุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดใน 11 กลุ่ม โดยปรับตัวตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงดัชนี Nasdaq ลดลง โดยหุ้นแอปเปิล ลบ 1.79%, หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.12% และหุ้นเทสลา ร่วงลง 3.95%
ส่วนหุ้นคอยน์เบส โกลบอล อิงค์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ร่วงลง 13.84% ในการซื้อขายวันแรกที่ตลาด Nasdaq โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 381 ดอลลาร์ จากราคา IPO ที่ 250 ดอลลาร์
หุ้นของบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเงินคริปโตเคอเรนซีและบล็อกเชน อาทิ ไรออต บล็อกเชน ร่วง 15.6% และหุ้นมาราธอน ดิจิทัล โฮลดิงส์ ร่วง 15.75% หลังพุ่งขึ้นก่อนหุ้นคอยน์เบสเข้าตลาด และขณะที่สกุลเงินบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 63,000 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทั้งนี้บรรดานักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเขาได้กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตันเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะดำเนินการทีละขั้นตอนเพื่อลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงด้วยการปรับลดการซื้อพันธบัตรรายเดือน ก่อนที่เฟดจะพิจารณาถึงเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราคาทองปิดร่วง 11.3 ดอลล์ แรงกดดันจากบิตคอยน์ทำนิวไฮ
ยอดโควิด 15 เม.ย.64 ทั่วโลกผู้ป่วยเพิ่ม 7.96 แสนราย สะสม 138.81 ล้านราย