พลิกชีวิต 11 รุ่น ใต้ร่มพระบารมี ทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. รัชกาลที่ 10

28 ก.ค. 2563 | 04:18 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ค. 2563 | 11:43 น.

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) เมื่อปี 2553 หลังทรงมีพระราชดำริเมื่อปี 2552 ซึ่งขณะนั้นดำรงพระราชอิสริยศเป็นสมเด็จพระบรม ฯ ด้วยพระเมตตาที่ต้องการให้เด็กและเยาวไทยที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ สามารถมีโอกาสทางการศึกษาเพื่ออนาคตที่ดี โดยให้กระจายทุนไปทุกจังหวัด ยิ่งไปกว่านั้นทรงเป็นองค์ประธานกรรมการด้วยพระองค์เอง

“เมื่อทำโครงการแล้ว จำเป็นต้องศึกษา ติดตามและพัฒนาแผนในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง การทำงานที่ได้ผล ต้องศึกษาข้อมูล  มีการปรับแผนให้ทันสมัย และมีความใส่ใจที่จะทำงานต่อเนื่อง “ พระราชดำรัสที่ทรงย้ำ

การพิจารณาผู้รับทุนจะมีคณะกรรมการพิจารณาตั้งแต่ระดับโรงเรียน จังหวัดและระดับคณะกรรมการมูลนิธิฯ ภายใต้แนวทาง คัดเลือก  คัดสรร กลั่นกรอง โดยจะคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดี ประพฤติดี  ขาดแคลนทุนทรัพย์ ทุนที่ได้จะครอบคลุมทุกด้านทั้งค่าเทอมที่ผันแปรตามสาขาวิชาที่เรียนที่ต่างกัน   ค่าดำรงชีพ เป็นต้น ปัจจุบันมีผู้ได้รับทุนแล้ว 11 รุ่น รวม 1,764 คน รวมทุนพระราชทานที่จัดสรรไปแล้ว 461.74  ล้านบาท หลังผ่านการคัดเลือกเด็กทุกคนต้องเข้าโครงการ”ค่ายสานฝัน” เพื่อพัฒนาศักยภาพ ฝึกระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม การใช้ชีวิต ทั้งนี้ตั้งแต่รุ่นที่9 เป็นต้นมาทรงมีพระบรมราโชบายให้นักเรียนฝึกและพัฒนาศักยภาพทุกปีตลอดระยะเวลารับทุน

“เรียนดี ความรู้ดี การงานดี ชีวิตสดใส ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ” พระราชดำรัสที่นักเรียนทุนพระราชทานใช้เป็นธงนำในการเรียนและประพฤติปฏิบัติ

นายนิคม แก้วเจิม อายุ  26 ปี นักเรียนทุนพระราชทาน ม.ท.ศ.รุ่นที่ 1 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทุนและเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง คณะครุศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป หลักสูตร 5 ปี ปัจจุบันรับราชการเป็นครูสอนที่โรงเรียนปากท่อพิทยาคม จังหวัดราชบุรี สอนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1และ  2 วิชาวิทยาศาสตร์และวิทยาการคำนวณ  

 

“พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ต้องเอาผมไปอยู่กับตาและยายที่หนองคาย เพราะพ่อกับแม่ต้องทำงานไปทั่ว จนช่วงที่มารับจ้างก่อสร้างในโครงการระยะยาวที่หัวหินหลายปีจึงได้นำผมมาเรียนต่อม. 2 ที่โรงเรียนหัวหินพิทยาคม ด้วยฐานะที่ยากจนก็คิดว่าคงไม่ได้เรียนแล้ว ครูแนะแนวมาบอกว่ามีทุน ม.ท.ศ.ให้สมัครจะเสนอชื่อให้รับทุนเพราะเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในการสมัครสิ่งสำคัญคือการเขียนเรียงความเพื่อขอทุน ซึ่งผมเขียนว่าอยากเป็นครูเพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับทุกคน  เมื่อเรียนจบมาเป็นครูได้ 2ปี ผมตอบได้ว่าหากย้อนกลับไปก็จะเลือกเรียนครู เพราะเป็นอาชีพที่สอนคน และผมเชื่อว่าการศึกษาคือต้นทางความสำเร็จ จากทุนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทำให้วันนี้ผมมีอนาคตทุกด้าน ทั้งด้านอาชีพและชีวิตที่ปัจจุบันผมเริ่มสร้างครอบครัวที่นี่ ดูแลพ่อแม่และส่งน้องเรียน  หากไม่มีทุนนี้ผมก็ยังไม่ทราบว่าชีวิตผมวันนั้นจะเป็นอย่างไรเพราะครอบครัวลำบากมากๆ ทุนที่ได้มาพลิกชีวิตให้กับผม  ซึ่งสิ่งที่ผมจะตอบแทนพระองค์คือการเป็นครูที่ดี เป็นคนดีครับ”

นางสาวสุภัทชา รอดเทศ (กระแต) อายุ 16 ปี  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  5 โรงเรียนกรับใหญ่ว่องกุศลกิจพิทยาคม แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ นักเรียนทุนพระราชทานรุ่นที่  11 รุ่นล่าสุด  น้องกระแตเล่าว่าพ่อแม่เป็นเกษตรกรที่มีรายได้ไม่มาก เพราะพ่อมีโรคประจำตัวทำงานหนักไม่ได้ หลังจากเรียนหรือวันหยุดจะไปช่วยแม่รับจ้างทำการเกษตร เพราะฉะนั้นความฝันของเธอคือการเรียนต่อด้านเกษตร ต้องการเป็นนักส่งเสริมการเกษตร เพราะเห็นว่าปัญหาด้านการเกษตรของไทยมีปัญหาด้านความรู้
 

“เรียงความที่หนูเขียนคือต้องการเรียนด้านการเกษตร เป็นนักส่งเสริมการเกษตร เพราะอยากเห็นเกษตรกรพึ่งพาตนเองได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ลดการใช้สารเคมี เพราะการใช้สารเคมีอาจจะดีระยะสั้นแต่ส่งผลเสียระยะยาว  การทำเกษตรของไทยหลายคนยังขาดความรู้ และไม่ค่อยเห็นนักวิชาการมาส่งเสริม ถ้าเรียนจบหนูจึงอยากเป็นนักส่งเสริมเกษตรมาช่วยคนที่บ้านเมืองของหนู “

นางสาวสุภัทชาเล่าต่อว่า รู้สึกดีใจและตื้นตันที่ได้รับทุน  ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้  วันที่ประกาศผลดีใจมาก บอกพ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ยังไม่มีใครเชื่อ ในการเตรียมไปรับทุนต่อหน้าพระพักตร์ตื่นเต้นมาก ซ้อมมากก็ยังตื่นเต้น  ขณะที่รับจากพระหัตถ์เหมือนหยุดหายใจ  ซึ่งหนูก็จะตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี เพราะถ้าไม่ได้ทุนพ่อแม่ก็จะลำบากมาก แม่ไม่เคยพูดว่าจะไม่ให้หนูเรียนเพราะเห็นว่าหนูรักการเรียน แต่หนูก็รู้ว่าที่บ้านแม่ต้องลำบาก และหนูคงไม่สบายใจ เมื่อมาได้ทุนม.ท.ศ. หนูก็รู้ว่าพ่อกับแม่ดีใจ เพราะหนูจะมีทุนเรียนจนจบปริญญาตรี วันนี้หนูดีใจและหนูสบายใจมากๆค่ะ”

นอกจากทั้งสองคนนี้แล้วยังมี นายแพทย์วีรยุทธ จันทรเขียว จบมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนนครสวรรค์ พระราชทานรุ่นที่  3 เรียนระดับปริญญาตรีที่สถาบันพระบรมราชนก สาขาแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล(หลักสูตร 6 ปี) ปัจจุบันรับราชการเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลนครสวรรค์ เริ่มงานเมื่อ มิ.ย. 2563  นายแพทย์ไวทยา เกิดมณี ทุนพระราชทานรุ่นที่ 3 จบมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล จังหวัดปัตตานี  ได้ทุนศึกษาต่อคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันเป็นแพทย์ฝึกหัดโรงพยาบาลปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี  นางสาวปิยกมล กล่ำสวัสดิ์ ทุนพระราชทานรุ่นที่ 5 จบมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนถาวรานุกูล จังหวัดสมุทรสงคราม ปัจจุบันศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ สาขาแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย