หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 4 สิงหาคม 2563
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 54.2 ในเดือนก.ค. 63 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี โดยเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่เริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปได้ขึ้นมาอยู่ในระดับเติบโตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2562
- นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันได้แตะระดับ 18 ล้านรายแล้วทั่วโลก ซึ่งอาจจะทำให้รัฐบาลในประเทศที่มีการแพร่ระบาดระดับรุนแรงต้องออกมาตรการที่เข้มงวดอีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง
- กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเตรียมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเป็น 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนส.ค. 63 จนถึงธ.ค. 63 จากเดิมที่ลดกำลังการผลิตที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 63 ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีมากขึ้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังฟิลิปปินส์และเวียดนามมีแนวโน้มที่จะบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์พื้นที่ที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดอีกครั้ง ประกอบกับสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปชนิดเบาในสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการนำเข้าน้ำมันดีเซลลดลงอย่างมากในภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและเมียนมาร์
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 41.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 44.15 ดอลลาร์/บาร์เรล