นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค"โควิด-19 ระลอกใหม่"ในประเทศไทย ยังอยู่ในช่วงการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงควรต้องป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด โดยขอให้ยึดหลักปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน D-M-H-T-T-A คือ
นอกจากนี้การแพร่กระจายหรือการได้รับเชื้อโรคที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม ยังคงเป็นประเด็นที่ประชาชนมีความกังวลโดยเฉพาะการทำความสะอาด รวมถึงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการทำลายเชื้อโรคและความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ที่ผ่านมากรมอนามัยร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายหน่วยงาน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดพ่นสารเคมีในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง ดังนี้
1. การฉีดพ่นตามร่างกาย ไม่แนะนำให้ฉีดพ่นตามร่างกายไม่ว่ากรณีใด ๆ เพราะสารฆ่าเชื้อมีฤทธิ์กัดกร่อนเป็นอันตรายต่อผิวหนังตามร่างกาย สำหรับสารเคมีที่แนะนำให้ใช้กับผิวหนังคือ แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ใช้สำหรับฆ่าเชื้อที่มือ
2. การฉีดพ่นในสิ่งแวดล้อม องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ฉีดพ่นสารฆ่าเชื้อเป็นละอองฝอยในที่โล่ง เช่น ถนน ตลาด เพราะอาจทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค อีกทั้งไม่สามารถเข้าถึงซอกมุม ทำให้การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อไม่ทั่วถึง
ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องฉีดพ่นใส่สิ่งของหรือพื้นผิวต่าง ๆ เช่น ล้อยางรถยนต์ กระเป๋าเดินทาง ขอให้ฉีดใกล้พื้นผิวสัมผัสมากที่สุด เพื่อไม่ให้ฟุ้งกระจายและควรทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วควรจะต่อด้วยการเช็ดถูพื้นผิวทำความสะอาด
สาร 3 ชนิดที่ทำลายเชื้อไวรัสได้ภายในระยะเวลา 1 นาที
3. การฉีดพ่นในอาคารหรือพื้นที่ปิด สามารถเป็นทางเลือกในการดำเนินการได้ แต่หากจะใช้ต้องใช้อย่างถูกวิธีตามขั้นตอนและตรวจสอบชนิดสารที่มีฉลากของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับรอง โดยเข้าไปที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สามารถค้นหาได้ด้วยเลข อย. หรือชื่อผลิตภัณฑ์ สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อคือชนิดสารเคมีที่ใช้ระยะเวลาการฆ่าเชื้อ (contact time) และความสะอาดของพื้นผิว ซึ่งสารฆ่าเชื้อจะออกฤทธิ์ได้ดีนั้น ต้องทำความสะอาดพื้นผิวก่อน
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่ช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้ดีคือการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข