รายงานข่าวระบุว่า นายสุวินัย ภรณวลัย ได้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊ก Suvinai Pornavalai โดยมีข้อความระบุ ว่า ก่อนจะมาถึง "หมากประกาศิต" ของคุณหญิงพจมาน / สุวินัย ภรณวลัย และเวทิน ชาติกุล
1. ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ขบวนการล้มเจ้า" กำเนิดขึ้นมาอีกครั้งหลังทักษิณถูกยึดอำนาจปี 2549 โดยปรากฏ "เสื้อแดงล้มเจ้าและนักวิชาการต่อต้านกษัตริย์" ร่วมเคลื่อนไหวภายใต้หน้าฉากต่อต้านรัฐประหารของ นปช. และเครือข่ายทักษิณ โดยความปักใจเชื่อบางอย่างของทักษิณเองเกี่ยวกับการที่ตนถูกยึดอำนาจจึงไม่ได้ออกมาห้ามปรามหรือขับไล่แดงล้มเจ้า และพวกนักวิชาการต่อต้านกษัตริย์ออกจากเครือข่ายของตน
2. ปิยบุตร ได้ระบุในการสัมมนาวิชาการที่ลอนดอนว่า ....สั่งศาลให้ยุบพรรคไทยรักไทย และเป็นจุดเริ่มของตุลาการภิวัฒน์ (หรือ "ศาลรัฐประหาร")
3. ธนาธร เริ่มต้นเคลื่อนไหวใต้ปีกทักษิณ คู่ขนานกับ นปช.และคนเสื้อแดงโดยสนับสนุนพวกนักวิชาการต่อต้านกษัตริย์ ตีพิมพ์งานวิชาการที่สนับสนุนวาทกรรม "สถาบันกษัตริย์เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย" ผ่านนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ที่ตัวเองเป็นนายทุน
4. การที่ ทักษิณ "ไม่ปฏิเสธ" พวกแดงล้มเจ้า อดีตคอมมิวนิสต์ และพวกนักวิชาการต่อต้านกษัตริย์ตั้งแต่ต้น ได้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ และตัวเองมีคดี ม.112 ติดตัว
5. ทักษิณไม่ได้คิดล้มล้างสถาบันฯกษัตริย์ เขาเพียงมุ่งหวังให้สถาบันกษัตริย์ลงมานิรโทษกรรมให้ตัวเอง แต่ ธนาธร-ปิยบุตร มีความคิดขั้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันกษัตริย์โดยได้อิทธิพลความคิดรับมาจากพวกอาจารย์ต่อต้านกษัตริย์ในมหาวิทยาลัย (ซึ่งเป็นไปได้ที่ ทักษิณ อาจไม่ทัดทานถ้าตัวเองสมประโยชน์)
6. ทักษิณไม่เปิดหน้าสู้สถาบันกษัตริย์โดยตรง แต่ธนาธร-ปิยบุตร กลับกล้าเปิดหน้าท้าทายสถาบันกษัตริย์ในรัฐสภา และยังกล้า สนับสนุนอย่างเปิดเผย ต่อการออกมาของนักเรียนนักศึกษาปลดแอกที่เปิดหน้าท้าชนสถาบันสถาบันกษัตริย์โดยตรง โดยอ้างว่าเป็นความคิดของเด็กๆเอง (ซึ่งมีข้อสงสัยมาตลอดว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ม็อบปลดแอก หรือไม่?)
7. ทักษิณมีมวลชนจริง (เสื้อแดง, นปช.) ธนาธรก็มีมวลชนในโซเซียลมีเดีย แต่ถ้าธนาธรจะจัดม็อบลงถนนก็ยากที่จะจัดม็อบที่ใหญ่กว่าวันที่ 10 ส.ค.ที่ธรรมศาสตร์รังสิตได้ถ้าไม่มีใครมาช่วย แต่ทักษิณเองก็ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยติดร่างแหกลายเป็น "พรรคล้มเจ้า" เพราะมีความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคอีก ดังนั้นฝ่ายเพื่อไทยจึงมีเงื่อนไขเพดานอยู่ที่ "ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ" เดิมของเยาวชนปลดแอก (ยุบสภา-หยุดคุกคาม-แก้รัฐธรรมนูญ) ขณะที่ฝ่ายธนาธร-ปิยบุตรต้องการผลักดันวาระต่อต้านสถาบันที่ "10 ข้อเรียกร้อง" ของเพนกวินและรุ้ง
8. ในความเป็นจริงธนาธรและพรรคก้าวไกลไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญปี 60 เรื่องวิธีเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมเพราะพรรคของตนได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุด แต่ต้องการแก้หมวด 2 (รวมถึงหมวด 1) ส่วนพรรคเพื่อไทยอยากแก้วิธีการเลือกตั้งเพราะตนเองเสียประโยชน์และอาจหมดอนาคต หมดอาชีพนักการเมืองได้ถ้ายังใช้รธน.ปี 60 อยู่ แต่พรรคเพื่อไทยไม่อยากยุ่งกับการแก้หมวด 1 และหมวด 2
9. หลังจากไม่เห็นด้วยกับ 10 ข้อเรียกร้องในตอนแรก ต่อมา "สุดารัตน์" กลับลำมาสนับสนุนนักศึกษา และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ออกมาแถลงช่วยม็อบปลดแอก จึงปรากฏคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมกับม็อบนักศึกษาปลดแอกทั้งในวันที่ 16 ส.ค.และ 19 ก.ย. แต่ท้ายที่สุดมีกระแสว่าว่า มีการสั่งให้หยุดขนคนมาเพิ่ม (ให้ครบ 100,000 คน)ในการชุมนุม 19 ก.ย.เพราะรู้ว่าเพนกวิน รุ้ง อานนท์ จะปราศัยโจมตีสถาบันกษัตริย์อย่างรุนแรง ส.ส.พรรคเพื่อไทยจึงมาตั้งเต้นท์อยู่ห่างๆโดยอ้างว่ามาสังเกตการณ์และรีบถอนตัวออกจากพื้นที่ทันทีที่รุ้งสั่งเคลื่อนมวลชนไปยังพระบรมมหาราชวัง
10. พรรคเพื่อไทยหวังให้การออกมาชุมนุมของคนเสื้อแดงร่วมกับกลุ่มเยาวชนนักศึกษาปลดแอกเป็นแรงกดดันให้รัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญในแนวทางของตน ส่วนฝ่ายธนาธรและพวกต่อต้านกษัตริย์ รู้อยู่แล้วว่าการแก้รธน.ทำได้ยากแต่ยังดึงดันทำต่อไปเพราะต้องการสร้างเงื่อนไขให้การแก้รธน.ไม่ได้ไปกระตุ้นความโกรธแค้นของประชาชน จะได้ออกมาบนถนนซึ่งฝ่ายตนจะได้ปักธงวาระเรื่องต่อต้านสถาบันฯโดยเปิดเผยไปพร้อมกัน (ดังกรณี #RepublicofThailand ที่ถูกปั่นกระแสผ่านโซเซียลมีเดียในทันทีหลังสภายืดเวลาแก้รธน.ไปอีก 1 เดือน)
11. "ณฐพร โตประยูร" ได้ไปยื่นต่อศาลรธน.ว่า 3 แกนนำปลดแอกที่เสนอ 10 ข้อเรียกร้องที่ธรรมศาสตร์รังสิต เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่? ซึ่งทำให้พรรคเพื่อไทยต้องระวังและรักษาระยะห่างจากกลุ่มปลดแอกเพราะกลัวว่าจะถูกยุบพรรค
12. "หมากประกาศิต" ของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และ การที่สุดารัตน์รวมถึง ส.ส.ในสายตนได้ลาออกจากกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจึงสร้างแรงกระเพื่อมระดับสึนามิให้แก่การชุมนุมของคนเสื้อแดงและกลุ่มเยาวชนนักศึกษาปลดแอกหลังจากนี้อย่างแน่นอน