9 ตุลาคม 2563 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ว่า ไม่มีอะไรแตกต่างจากครั้งก่อนและนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย ถือเป็นการแสดงออกของนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นลูกหลานที่มาแสดงออกตามสิ่งที่เขาคิดเขาเห็นและสิ่งที่เขาอยากให้มันเกิด อีกส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ประชาชนเห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไร ต้องรอดูผลความคิดเห็นของสังคมส่วนรวมด้วย
ถามว่าเป็นกังวลหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเป็นกังวล เป็นห่วง นิสิต นักศึกษาที่เป็นลูกหลาน อยากให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามขอบเขตรัฐธรรมนูญตามขอบเขตประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การดำเนินการให้บ้านเมืองสงบสุข นำความเห็นต่างสู่เวทีประชาธิปไตยที่เราอยากเห็น โดยไม่เกิดวิบัติกับชาติบ้านเมือง โดยกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวจะได้เข้าใจขึ้นเป็นตามลำดับตามที่เขาได้พยายามเรียกร้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ม็อบ 14 ตุลาฯ "คณะราษฎร 2563" ประกาศชุมนุมยืดเยื้อ
สว.สมชาย แฉ#เบื้องหลังความฝันเพ้อเจ้อ แกนนำม็อบ
อดีต "เสื้อแดง" อีสาน-ล้านนาผนึกปกป้องสถาบัน
หยุดม็อบซ้ายจัด อย่าซ้ำรอย 6 ตุลาฯ
ต่อข้อซักถามที่ว่า หนึ่งในข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันอยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้น นายอนุชา กล่าวว่า บ้านเมืองเรามีเสาหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มานานที่เราไม่ต้องเป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่อยู่ภายใต้ระบบเผด็จการ เรามาแถลงข่าวยืนพูด เดินขบวนกันได้ขนาดนี้ นับเป็นโชคดีของประเทศไทยที่เรามีเสาหลักที่สามารถคานอำนาจสิ่งที่ไม่คาดฝันเหมือนที่ประเทศอื่นได้รับ นี่คือ สิ่งที่เป็นคุณูปการที่เราได้รับมา
ยืนยัน ส่วนตัวถ้ามีเรื่องนี้ไม่เอาแน่นอน หัวเด็ดตีนขาด ก็ไม่มีตนอยู่ในนั้นแน่นอนในการคิดและเปลี่ยนในสิ่งนี้ ถ้ามีเรื่องนี้ตนก็เดินตรงข้ามอย่างเต็มที่ เว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องอื่นคุยได้หมด เพราะเรื่องนี้คิดว่า เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองที่เราอยู่ปลอดภัยมาบางครั้งอะไรที่เราควรจะอดทนอดกลั้นเพื่อประเทศที่สงบและมีเสาหลักคานให้เราอยู่ได้เป็นที่ค้ำยันให้เรามีเสรีภาพในระบอบของเมืองไทยของเรา และเมืองไทยของเราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนคนอื่น 100% และสิทธิเสรีภาพที่เราก็ค่อนข้างสูงแล้วในโลกใบนี้
ทั้งนี้ นายอนุชา กล่าวระบุว่า ขณะนี้คงยังประเมินไม่ได้ว่า ผู้ชุมนุมจะมามากหรือน้อยกว่าวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาแต่คงมีผู้ร่วมอุดมการณ์ และคงอยู่ในกรอบตามที่เขาดำเนินมา และคงไม่แตกต่างไปกว่าเดิม
ส่วนที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มคณะราษฎรนั้น ส่วนตัวเห็นว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเปลี่ยนมิติเพราะที่ผ่านมายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่เขาคิด จึงเปลี่ยนรูปแบบเพื่อหาแนวร่วมเพิ่มเติม เป็นสิ่งที่เราวิเคราะห์ ไม่เป็นไรถือเป็นความคิดเห็นและเขาต้องการให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง แต่สังคมต้องการด้วยหรือไม่ สังคมต้องตอบ อยู่ที่ประชาชนคนไทย จะเป็นผู้ตอบโจทย์ประเทศจะไปในทิศทางไหน
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากวิงวอนนิสิต นักศึกษา หันหน้ามาคุยกันเพื่อหาทางออกให้ประเทศรัฐบาล และนายกฯมีความจริงใจ และเป็นห่วงลูกหลานทุกคนไม่มีความคิดเป็นอย่างอื่น ไม่มีความคิดมาดร้ายหรือคุกคาม แต่บางครั้งผู้ชุมนุมอาจเกินเลยขอบเขตกฎหมาย เราก็เห็นกันอยู่ เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า มันเกินเลยแล้ว แต่รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องอะลุ่มอล่วยให้เขาได้แสดงออก ทั้งนี้ เราต้องช่วยนำพาประเทศพ้นวิกฤติ โดยเฉพาะโควิด-19 การชุมนุมก็มีความเสี่ยง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะเขาก็บอกว่าเป็นสิทธิ