เปิดเหตุผล งัด “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” นายกฯยันไม่ถึงขั้นกฎอัยการศึก 

16 ต.ค. 2563 | 09:14 น.

นายกรัฐมนตรี แถลงเหตุผลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมม็อบ ระบุ เคอร์ฟิวอยู่ในแผน แต่ยังไม่ถึงขั้นใช้กฎอัยการศึก 

วันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงเหตุผลของการ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งแถลงภายหลังการประชุมครม.นัดพิเศษ

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ว่า วันนี้ถือโอกาสชี้แจงเรื่องการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ ซึ่งทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้างในประเทศของเราในเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯโดยความมุ่งหมายของรัฐบาลนั้นจำเป็นต้องดำเนินการ 

เปิดเหตุผล งัด “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” นายกฯยันไม่ถึงขั้นกฎอัยการศึก 

เนื่องจากสถานการณ์มีความรุนแรงเกิดขึ้น จะเห็นได้ว่ามีหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้ได้มีการประชุมครม.เพื่อให้ความเห็นชอบในการประกาศใช้ตามกฎหมาย โดยประกาศใช้เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เวลา 04.00 น. จากนั้นต้องนำเข้าครม.เพื่อพิจารณาภายใน 3 วัน อันนี้เป็นการทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามกระบวนการของกฎหมาย 

 

สาระสำคัญในนั้นมีหลายประการด้วยกัน ทั้งการห้าม การให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น จับกุมผู้ต้องสงสัย ตรงนี้ขอกราบเรียนว่าที่ผ่านมาเราใช้กฎหมายปกติ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งวันนี้ใช้กฎหมายนี้แล้ว ฉะนั้นกราบเรียนทุกท่านให้เข้าใจว่าสาระสำคัญตรงนี้มีอะไรบ้าง ตั้งแต่การห้ามไม่ให้มีการชุมนุม การเข้าตรวจค้น จับกุมผู้ต้องสงสัย อะไรต่างเหล่านี้ ที่ทำผิดกฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการ

 

รัฐบาลมุ่งหวังเพื่อให้บ้านเมืองเรามีเสถียรภาพสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เรามีผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดต่างๆของโควิด-19 ด้วย วันนี้และเมื่อวานได้มีการพบปะหารือพูดคุยกับฝ่ายเศรษฐกิจทั้งหมดว่าจะทำอย่างไร ทั้งเศรษฐกิจในประเทศ ต่างประเทศ ทวิภาคี พหุภาคี เรากำลังเดินหน้าทุกอย่างในเรื่องการใช้งบประมาณต่างๆ งบฟื้นฟู งบปกติ งบปี 63 และปี64 ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิดจากแนวชายแดน เราทำทั้งหมด ซึ่งสถานการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

 

“แต่เมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้นมันก็มีความจำเป็นต้องประกาศใช้และผมมุ่งหวังว่าจะใช้ให้สั้นที่สุด วันนี้ก็ประกาศใช้เพียงแค่ 1 เดือน หรือ 30 วัน หรือน้อยกว่านั้นถ้าสถานการณ์สามารถคลี่คลายได้โดยเร็ว อันนี้เป็นหลักการสำคัญ ไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปทำร้ายใคร ท่านต้องดูทุกวันที่เกิดขึ้นมามีใครถูกทำร้ายบ้าง คือเจ้าหน้าที่เป็นผู้ถูกกระทำเกือบทั้งสิ้น ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์มันไม่ใช่ปกติแล้ว และเหตุการณ์สำคัญอื่นได้เกิดขึ้น ผมคงไม่ต้องกล่าว ณ ที่นี้ ทุกคนทราบดีอยู่ในสายตาสื่อทุกคน ฉะนั้นขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองนั้นสงบสุขได้หรือไม่ สร้างความมีเสถียรภาพได้หรือไม่ และที่สำคัญที่สุดเป็นห่วงบรรดาผู้บริสุทธิ์ต่างๆทั้งหมด ใครบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ก็รู้กันอยู่”นายกฯกล่าว

 

ผมได้ให้แนวทางในการปฏิบัติไปแล้วกับท่านผู้รับผิดชอบ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี ในส่วนของหัวหน้าปฏิบัติคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉะนั่นขอให้ทุกคนระมัดระวังในการบังคับการใช้กฎหมายนี้ด้วย กฎหมายพ.ร.บ.ชุมนุมฯเดิมไม่ได้ใช้แล้ว ตรงนั้น 50 เมตร ต้องขออนุญาตก่อน อะไรก่อน กฎหมายปกตินั้นไม่ได้ใช้ แต่กฎหมายวันนี้มีอำนาจทุกอย่างห้ามเข้าห้ามออก ตรวจค้น รื้อค้น มีหมดทุกอย่าง 

 

ฉะนั้นขอเตือนไว้ด้วยอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง ถ้ามีกฎหมายอะไรต่างๆถ้าทำผิดมันก็ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งทุกประเทศเขาอยู่กันด้วยกฎหมาย ถ้าท่านบอกว่าเราใช้ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้วใครละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นเขาบ้างหรือไม่ มันก็จำเป็นต้องรักษาคนส่วนใหญ่ไว้ให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเศรษฐกิจในเวลานี้ ซึ่งนักธุรกิจร้องเรียนมาที่ตนจำนวนมากจากสถานการณ์เมื่อวันที่ 15 ต.ค.

 

“ผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ในฐานะนายกรัฐมนตรีปล่อยไว้ไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ต้องนึกถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศเขาบ้าง เวลาที่เราต้องทำอย่างอื่น ดูแลช่วยเหลือประชาชน ดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาชีวิตทรัพย์สินประชาชน ต้องเอากำลังทั้งหมดมาดูแลเรื่องที่กระทำผิดกฎหมาย มันทำให้ทุกอย่างเสียไปทั้งหมด การทำงานก็ทำด้วยความยากลำบาก ขอฝากพวกเราไว้ด้วย ฝากสื่อทุกคน วันหน้าใครที่จะไปหาข่าวในพื้นที่ชุมนุมกรุณาติดปลอกแขนด้วยว่ามาจากสื่อใด ถ้าไม่ติดปอกแขนห้ามเข้าพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนช่วยกันให้เกิดความสงบ อย่าให้คนแสวงเอารูปต่างๆ บางทีถ่ายกันหลายมุมแล้วแต่มุมมอง ทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทำอย่างเต็มที่ ไม่มีการใช้กำลัง มีแต่ถูกใช้กำลังทั้งสิ้น ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต่างๆ เราจะอยู่กันแบบนี้หรือ ผมถามว่าจะอยู่กันแบบนี้หรือ ถ้าไม่ช่วยกันให้รัฐบาลทำอย่างเดียว ผมว่ามันแก้ปัญหาอะไรกันไม่ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ อะไรต่างจะไม่ได้ทั้งหมด ตราบใดที่คนไทยยังไม่มีน้ำใจเป็นนึ่งเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไป”

 

ในเรื่องทางการเมือง เรื่องสภา อะไรต่างๆก็เดินตามขั้นตอน ตามกฎระเบียบอยู่แล้ว จะเปิดสภาหรือไม่เปิดสภาอีกไม่กี่วันก็เปิดอยู่แล้วสภา ก็ไปว่ากันตรงโน้น เรื่องรัฐธรรมนูญรัฐบาลสนับสนุนให้มีการดำเนินการอยู่แล้ว ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ฉะนั้นวันนี้ขอเตือนทุกคนที่มักจะกระทำความผิดกฎหมายในวันนี้ แม้กระทั่งกฎหมายในเรื่องของการใช้สื่อโซเชียลโฆษณาบิดเบือนต่างๆ ซึ่งนักข่าวหลายท่านก็ใช้อยู่ ขอให้ระมัดระวังด้วย โอเคมีอะไรหรือไม่ 

 

“วันนี้พรรคร่วมต่างๆโดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ในพรรคร่วมรัฐบาลมาเกือบครบทุกท่าน เว้นเฉพาะติดราชการสำคัญเท่านั้นเอง ก็มีมติเห็นชอบให้บังคับใช้กฎหมายนี้ ขอฝากให้คนไทยทุกคนในประเทศช่วยให้การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหานี้ด้วย ในส่วนของนิสิตนักศึกษาขอฝากผู้ปกครองช่วยดูแลให้ดีที่สุด ผมไม่อยากให้มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น มันเป็นอันตราย เพราะเราไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังอะไรต่างๆเหล่านี้ต้องการอะไรบ้าง ก็พอจะทราบกันอยู่แล้วแต่เขาไม่ได้เปิดเผยตัวออกมา ก็ระมัดระวังด้วยแล้วกัน อย่าให้อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัย โอเคนะครับ อย่าหาว่าผมขู่”

เปิดเหตุผล งัด “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” นายกฯยันไม่ถึงขั้นกฎอัยการศึก 

จากนั้น พลเอกประยุทธ์ เปิดให้สื่อมวลชนได้ตั้งคำถาม

 

ถาม : เป็นต้องประกาศเคอร์ฟิวแล้วหรือยัง 

นายกฯ : มีกำหนดอยู่ในนั้นแต่ยังไม่ประกาศใช้ อยากให้ประกาศหรือไม่ 

 

ถาม : ขั้นตอนหรือเงื่อนไขอะไรจะไปถึงขั้นต้องประกาศใช้เคอร์ฟิว 

นายกฯ :  สงบมั๊งถึงต้องใช้"คือถ้าลุกลามบานปลายก็ต้องทำ แต่ยังไม่ถึงขั้นประกาศใช้กฎอัยการศึก

 

ถาม : มองไปถึงจะมีการรัฐประหารซ้ำอีก 

นายกฯ : พูดกันซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ปฏิวัติ รัฐประหาร พูดอยู่นั้นแหละ ไม่รู้ว่าสื่อคิดแหลมคมกันไปเองหรือเปล่า ผมไม่รู้ ผมยังไม่คิดถึงตรงนั้น ใครจะทำไปหามาซิ"

 

ถาม : แนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติมีความเป็นไปได้แค่ไหน 

นายกฯ : โอ๊ยยังไปอีกไกล

 

นายกฯยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศชุมนุมต่อเนื่องว่า ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไป ในส่วนข้อเรียกร้องอื่นๆก็หารือกันทั้งในสภา และคณะกรรมาธิการก็ว่ากันไป เพราะมีอยู่ทุกกลไกอยู่แล้ว ถ้าจะบังคับให้ทำโน้นนี้นั้นมันถูกต้องหรือไม่ เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่า 

 

ถาม :  การที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำฝูงชนออกมาเป็นจำนวนมากและกดดันเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน จนเกิดภาพในการปะทะกัน จะแก้ปัญหากันอย่างไร 

นายกฯ : แล้วใครเป็นคนทำ 

 

ถาม : จะขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดด้วยหรือไม่ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศดาวกระจายไปพื้นที่ต่างๆ

นายกฯ : สื่อก็ชี้นำไปเรื่อยๆแล้วก็มาตั้งคำถามกับผม วันนี้เอาทีละขั้นตอน

 

ถาม : การประชุมวันนี้รองนายกฯที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลมีการเสนอแนะทางออกอย่างไรบ้าง 

นายกฯ : ทุกคนทุกพรรคเห็นชอบการใช้กฎหมาย รวมทั้งการเดินหน้าการแก้ปัญหาโควิด-19 แก้ปัญหาเศรษฐกิจก็จะเสริมเข้าไป และจะช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้างในเรื่องประชาสัมพันธ์ต่างๆให้ประชาชนเห็นว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและโควิด-19 อยู่แล้ว ถ้าเขารอโอกาสรอการสนับสนุนจากรัฐบาลแล้วทำไม่ได้ คนส่วนใหญ่ก็จะเดือดร้อน สื่อเองต้องช่วยกันพูดตรงนี้ 

 

ในส่วนของต่างประเทศเราก็พยายามทำความเข้าใจ ซึ่งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมแล้วไม่มีผลกระทบอะไรกับต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาได้ชี้แจงมาตลอดถึงเหตุผลและความจำเป็นต่างๆซึ่งวันนี้ก็ต้องชี้แจงอีก โดยประกอบกับข้อเท็จจริง ข้อมูล ภาพ ทั้งหมด การกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างไร มีการใช้มาตรการอย่างละมุ่นละม่อม และใช้มาตรการอย่างเบาที่สุดแล้ว ลองเปรียบเทียบกับต่างประเทศดู ทุกคนก็รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไรแก้ปัญหา แต่เราไม่เคยใช่ แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย แล้วเราปล่อยให้ละเมิดกฎหมายต่อไป บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้ และไม่ใช่เพื่อผม แต่ทั้งหมดเพื่อประเทศชาติและประชาชน

 

ถาม : มีข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม 

นายกฯ : (นายกฯและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณที่ยืนอยู่ติดกันได้กล่าวขึ้นพร้อมกันว่า) "มันผิดกฎหมาย"

เปิดเหตุผล งัด “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” นายกฯยันไม่ถึงขั้นกฎอัยการศึก 

ถาม : การนัดชุมนุมเย็นวันที่ 16 ต.ค.รัฐบาลจะบริหารจัดการอย่างไร 

นายกฯ :  ก็คอยดูสิ

 

ถาม :  หลายฝ่ายไม่อยากให้ภาพเหตุการณ์เกิดซ้ำขึ้นอีก ยืนยันได้หรือไม่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก 

นายกฯ : ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็ต้องไปทำให้คนที่พยายามจะฝ่าฝืนทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำหรือสมควรทำ ทุกฝ่ายรวมทั้งสื่อต้องช่วยกัน ไม่ใช่แต่เสนอข่าวออกมาแล้วเกิดผลกระทบต่อกัน เจ้าหน้าที่โดนทำร้าย โดนกระทำทั้งหมด ไม่เคยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กันเลย แล้วใครจะมีกำลังใจทำงานให้ อยากได้แต่ไม่ทำอะไรก็ลำบาก

 

ถาม : การเปิดเวทีรับฟังความเห็นและการเจรจา 

นายกฯ : ที่ผ่านมาก็ได้ให้คนไปเปิดเวทีเพื่อรับฟัง และเก็บข้อมูล แต่ท้ายที่สุดก็ไปรวมอยู่ที่เดียวกัน มีเหตุผลเงื่อนไขต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนที่นักวิชาการระบุว่าอยากให้รัฐบาลจริงใจในการรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มนักศึกษา อยากถามว่าที่ผ่านมาไม่จริงใจตรงไหน แล้วทำไมสื่อไม่ถามกลับไปบ้างว่า เขามีความจริงใจกับตนหรือเปล่า "ผมถือว่าผมเป็นนายกฯที่รับฟังมากที่สุด"

 

ถาม : วันนี้ยืนยันได้หรือไม่จะไม่ลาออกจากนายกฯ

นายกฯ : เรื่องอะไร ยืนยันว่าไม่ออก" (เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงตรงนี้ ทำให้รัฐมนตรีที่ยื่นอยู่ด้วยกันพากันหัวเราะ) 

 

ถาม : ถึงวันนี้มีการพูดถึงการใช้รูปแบบการชุมนุมแบบฮ่องกงโมเดล กังวลจะไปถึงขั้นดังกล่าวหรือไม่  

นายกฯ : โธ่ สื่อก็ถามกันไปแล้ววันนี้ฮ่องกงโมเดลเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ฮ่องกงก็เสียหาย ธุรกิจก็พังทั้งหมด ทุกอย่างพังพินาศ แล้วคนชุมนุมเป็นอย่างไรบ้าง แต่อย่าลืมว่าเขาเป็นสังคมประชาธิปไตย เราเป็นประชาธิปไตยทำได้แค่ไหน เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด อยู่ด้วยความร่วมมือของทุกคน พร้อมย้อนถามว่า"คนไทยกันหรือเปล่า นั่งกันอยู่ที่นี้เป็นคนไทยหรือไม่ ประเทศไทยเป็นของพวกท่านหรือไม่ หรือของผมคนเดียว มันไม่ใช่หรอกมั้ง"

 

ถาม : ยังมั่นใจจะทำให้ประเทศสงบตามที่ประกาศไว้หรือไม่ 

นายกฯ : แล้วมันไม่สงบเพราะอะไร เพราะใคร สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำอะไรไปแล้วบ้าง สื่อประชาชนเสนอข่าวให้ประชาชนทราบบ้างหรือไม่ ถ้าพวกท่านเสนอข่าวแต่การเมืองอย่างเดียวบ้านเมืองก็วุ่นวายอยู่แบบนี้ ก็เสนอของพวกท่านไป แต่ถ้าทำให้สถานการณ์สงบผมก็ไม่ห้ามอยู่แล้ว เขียนอย่างไรก็ตามขอให้มันสงบ 

 

"ผมขอถามว่าวันนี้ผมทำอะไรเหรอ ผมผิดอะไรเหรอตอนนี้ ขอถามหน่อยซิ

 

ถาม : อาจเป็นเพราะนายกฯอยู่ในตำแหน่งนานไปหรือเปล่า และมีแววว่าจะอยู่ต่ออีกนาน 

นายกฯ : "ฮี่โธ่ เคยฟังพระสวดไหม เคยเข้าวัดกันหรือไม่ สงสัยไม่ค่อยได้เข้าวัดกันถึงเป็นแบบนี้ ไปฟังพระสวดอภิธรรมมี 4 จบ ซึ่งวันนี้ผมทำทั้งหมดทั้งสวดทั้งแผ่เมตตาและให้อโหสิกรรมทุกคน ไม่ให้ร้ายกับใคร เพราะสิ่งที่ให้ร้ายกับคนจะกลับมาที่ตัวเราเอง อย่าประมาท เพราะทุกคนมีทั้งตายวันนี้และตายพรุ่งนี้ ตามบทสวด อย่าประมาทชีวิต พร้อมจะตายได้ทุกโอกาส ทั้งด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรืออะไรก็ตาม เราไปกำหนดไม่ได้

อย่าท้าทายกับท่านพญามัจจุราชที่มีเสนามาก การตายจะเป็นวันนี้ หรืออยู่วันไหน มีโอกาสตายทุกคน โรคภัยไข้เจ็บเครียดสมองแตก และอีกบทคือ อย่าประมาทเสมา อำมาตย์ ที่มีอำนาจน้อย อีกอย่างคนเรามีโอกาสตายได้ทุกวัน ไปฟังคำพระกันบ้าง นับถือศาสนาพุทธกันบ้างหรือเปล่า สวดมนต์กันได้กี่บท มาท่องแข่งกับฉันไหม ไม่เอาชักเลอะเทอะแล้ว

 

ถาม : ถ้าวันนี้พูดได้อยากพูดอะไรกับกลุ่มผู้ชุมนุม 

นายกฯ : อยากขอร้องไม่อยากให้ใครถูกดำเนินคดีทางกฎหมายทั้งสิ้น ไม่อยากให้ทำ ขอให้รักแผ่นดินเกิดของท่านให้มากขึ้นเท่านั้นเอง