"ทิพานัน"จี้ถาม"ปิยบุตร"อยู่ไหน  ไม่ละอายใช้เด็กเป็นกำบัง

17 ต.ค. 2563 | 02:40 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2563 | 09:47 น.

"ทิพานัน"จี้ถาม "ปิยบุตร"อยู่ไหน  ไม่เคยละอายใช้เด็กเป็นกำบัง  ชม“พิธา”มีสปิริตให้ข่าวไม่มีการใช้กระสุนยางหรือความรุนแรงอื่น ชี้นักลงทุนกังวลม็อบยืดเยื้อ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าออกมาแสดงความเห็นต่อการสลายการชุมนุมคณะราษฎร 2563 เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวางอาวุธมายืนข้างประชาชนว่า อยากเรียกร้องไปถึงนายปิยบุตร เช่นกันว่า นายปิยบุตรไปอยู่ที่ไหนตอนที่เยาวชนชุมนุม เหตุใดจึงไม่มายืนอยู่ข้างประชาชน นักศึกษาและเยาวชน ออกมานำการชุมนุมเอง ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้และคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ข้างหลัง ไม่มีความละอายเลยหรือ  

 

ทั้งนี้ จะสังเกตว่าตั้งแต่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง นายปิยบุตร ไม่เคยไปปรากฏตัวเลย แต่กลับคอยยุยงปลุกปั่นผ่านสื่อโซเชียล สร้างกระแสให้เกิดความรุนแรงใช่หรือไม่  แต่ก็ต้องขอบคุณผู้ชุมนุมที่ประกาศยุติชุมนุมเมื่อคืนนี้  และวันนี้อยากขอให้ยุติการชุมนุมก่อนบานปลายไปมากกว่านี้ รัฐบาลไม่อำมหิตพอที่จะเห็นเยาวชนออกมาเสี่ยงเหมือนนายปิยบุตร เพราะอาจเกิดอันตรายจากมือที่สามจึงปฏิบัติการอย่างเป็นขั้นตอน

“ทั้งนี้ได้เห็นจากข่าวว่านายพิธาลงพื้นที่ชุมนุมและให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าได้คุยกับทางเจ้าหน้าแล้วว่ายืนยันไม่มีการใช้กระสุนยางและความรุนแรงอื่นๆ เป็นเพียงการฉีดน้ำเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ต้องชมว่านายพิธามีสปิริตในการสื่อสารข้อเท็จจริงให้สาธารณะทราบ” น.ส.ทิพานัน กล่าว
 

น.ส.ทิพานัน  กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ความพยายามโจมตีจากกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 ว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นสาเหตุทำให้หุ้นตกนั้น ไม่เป็นความจริง ในทางตรงกันข้ามนักวิเคราะห์ออกมาระบุชัดเจนว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน มาจากนักลงทุนกังวลการชุมนุมที่มีลักษณะดาวกระจายและอาจมีความยืดเยื้อ จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างหาก  โดยไม่ได้ระบุว่ามาจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลแต่อย่างใด

“อีกทั้งจะเห็นว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปเพื่อยกระดับควบคุมสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย ทั้งป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นระหว่างกลุ่มคณะราษฎร2563 กับกลุ่มผู้เห็นต่าง และประเทศไทยกำลังฟื้นตัวและเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของนักลงทุนจากทั้งในและนอกประเทศ จากมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในแถวหน้าของโลก ดังนั้นปัจจัยปัญหาแทรกจึงอยู่ที่การเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะในย่านเศรษฐกิจ คือราชประสงค์-ปทุมวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ให้ยุติลงอย่างรวดเร็ว ก็เพื่อโอกาสของชาติและประชาชนทั้งสิ้น”