วันนี้(17 ต.ค.63) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ ๖/๒๕๖๓ เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม อาคาร หรือสถานที่
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น
เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน และมิให้เกิดความเดือดร้อน แก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๓ และข้อ ๔ ของข้อกําหนดออกตาม ความในมาตรา ๔ ประกอบมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อ ๕ แห่งประกาศตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง จึงออกคําสั่งไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคารหรือสถานที่ดังต่อไปนี้ ตั้งแต่เวลา ๑๔.๓๐ นาฬิกา จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือใช้ในภารกิจ ของทางราชการ
(๑) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สายสุขุมวิท ได้แก่ สถานีอารีย์, สถานีสนามเป้า, สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สถานีพญาไท, สถานีราชเทวี, สถานีสยาม, สถานีชิดลม, สถานีเพลินจิต, สถานีนานา, สถานีอโศก และสถานีพร้อมพงษ์
(๒) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สายสีลม ได้แก่ สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ, สถานีสยาม, สถานีราชดําริ และสถานีศาลาแดง
(๓) สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สายสีน้ำเงิน ได้แก่ สถานีสุขุมวิท, สถานี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, สถานีลุมพินี และสถานีสีลม
(๔) ทางเชื่อมระหว่างตึกหรือทางเดินระหว่างอาคารสูง (Skywalk)
(๔.๑) สถานีเชื่อมต่อการเดินรถระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพญาไท กับสถานีรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท
(๔.๒) ทางเชื่อมตั้งแต่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ
(๔.๓) ทางเชื่อมตั้งแต่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม
(๔.๔) ทางเชื่อมตั้งแต่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีสุขุมวิท
(๔.๕) ทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสีลมถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีศาลาแดง
ข้อ ๒ มอบหมายให้ผู้บัญชาการตํารวจนครบาล เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งการ ห้ามกระทําการอย่างใด ๆ ที่เป็นการปิดการจราจร ปิดเส้นทางคมนาคม หรือกระทําการอื่นใด ที่ทําให้ไม่อาจใช้เส้นทางคมนาคมได้ตามปกติในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และใช้มาตรการ ตามความจําเป็นและเหมาะสมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยระมัดระวังมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิด ความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
พลตํารวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ
หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง