“รวมพลังประชาชาติไทย" ประกาศจุดยืน ค้านจัดทำรธน.ใหม่ ทั้งฉบับ

16 พ.ย. 2563 | 05:34 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ย. 2563 | 12:57 น.

“รวมพลังประชาชาติไทย" ประกาศจุดยืน คัดค้านจัดทำรธน.ใหม่ทั้งฉบับ ย้ำ รธน.60 มีความชอบธรรม-เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนมากกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ iLaw

16 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วยนายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ตั้งโต๊ะแถลงท่าทีของพรรคต่อการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมแถลงการณ์พรรคว่า ผมในนามพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช) ขอแถลงจุดยืนของพรรคฯ ในเรื่องที่ได้มีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหลายฉบับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนศกนี้ ดังนี้

 

ข้อ 1 เราขอเริ่มด้วยประเด็นความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 ที่มีผลบังคับอยู่ในปัจจุบัน เรามักได้ยินฝ่ายนั้นฝ่ายนี้กล่าวกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่จัดทำขึ้นภายใต้อำนาจของ คณะ คสช.ที่มีพลอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นผู้นำโดยได้อำนาจมาจากการปฏิบัติรัฐประหาร

 

ดังนั้น จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่น่ารังเกียจ ควรต้องถูกล้มเลิกไปโดยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้แทน เราเห็นว่า จุดเริ่มต้นหรือที่มาในการจัดทำรัฐธรรมนูญไมใช่ประเด็นชี้ขาดความชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมของรัฐธรรมนูญเพราะแม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่คณะราษฎรจัดทำขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทยในปี พ.ศ.2475 ก็ก่อกำเนิดมาจากการยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ของกลุ่มทหารและพลเรือนผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองเช่นกัน

 

การพิจารณาความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาที่เนื้อหาสาระทั้งมวลที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและโอกาสของประชาชนทั้งประเทศที่ได้พิจารณาให้การรับรองหรือไม่รับรอง รัฐธรรมนูญฉบับนั้นๆ โดยการลงประชามติอย่างอิสรเสรีตามครรลองแห่งระบบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นที่ทราบกันแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นี้ ได้มีประชาชนลงมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากเป็นจำนวนเกือบ 17ล้านเสียง ซึ่งย่อมต้องถือว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับการสถาปนาโตยประชาชน จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมอย่างบริบูรณ์

 

การที่บุคคลคณะหนึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอันเนื่องจากคุณวุฒิประสบการณ์และความรู้ทางนิติศาสตร์รัฐศาสตร์และศาสตร์อื่นๆเป็นแนวทางปฏิบัติอันเป็นปกติ แม้แต่หากจะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญและมี ส.ส.ร. ขึ้นก็มิใช่ว่า ส.ส.ร. แต่ละคนจะร่วมกันเป็นผู้ร่างบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญขึ้นเองหากแต่จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการยกร่าง ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำนองเดียวกับที่ได้กล่าวมาแล้วให้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญอยู่ดี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ศรีสุวรรณ" บุก รัฐสภา ร้องสอบรายชื่อแก้รธน.ฉบับไอลอว์

"สิระ"ประกาศคว่ำร่างแก้รธน.ฉบับไอลอว์ ชี้ มีวาระซ่อนเร้น

"แรมโบ้" ปลื้มโครงการ "คนละครึ่ง"กระตุ้นเศรษฐกิจ

รมว.คลัง ยัน เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพียงพอต่อการฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19

 

ดังนั้น ความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งฉบับใด ย่อมจะต้องขึ้นอยู่กับการเห็นชอบของรัฐสภาและการลงประชามติรับรองโดยประชาชนทั่วประเทศดังที่ได้กล่าวแล้ว

ข้อ 2 ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เสนอโดยพรรคการเมืองฝ่ายด้านและฉบับที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล อันถือว่าเป็นฉบับหลักสำคัญ 2 ฉบับซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญคล้ายคลึงกันคือ แก้ไขมาตรา 25ุ6 ในอันที่จะทำให้วิธีการและขั้นตอนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ง่ายขึ้นกว่าบทบัญญัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกับการเพิ่มเติม กับการเพิ่มเติม หมวด 15/1 การจัดทำธรรมนูญฉบับใหม่ โดยจะให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญและให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร) เป็นผู้เข้มาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นทั้งฉบับ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่มีผลบังคับอยู่ในเวลานี้มี

 

หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความหมายชัดอยู่ในตัวให้มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมเป็นบางส่วนบางหมวด บางมาตรา เท่านั้น ไม่ใช่การล้มเลิกฉบับเดิมแล้วจัดทำใหม่ทั้งฉบับ(แม้ในร่างฉบับใหม่ที่เขียนไว้ขัดแย้งกันในตัวว่า จะไม่แก้ไขเพิ่มเติม

 

หมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ซึ่งหากจะไม่แตะต้องทั้งสองหมวดดังกล่าวจริงแล้วเหตุใดจะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ)

 

อนึ่ง การที่จะล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมแล้วจะให้ ส.ส.ร. ดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยประชาชนทั่วไปไม่อาจคาดคิดได้ว่า โฉมหน้าของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะปรากฏออกมาเป็นเช่นใด ก็เปรียบเสมือนประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเซ็นเช็ดฉบับว่างเปล่ามอบให้แก่ตัวแทนไปเขียนตัวเลขจำนวนเงินเอาเองตามอำเภอใจ ซึ่งจะเป็นรูปการณ์ที่เป็นอันตรายและสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับพ.ศ.2560 มีความชอบธรรมจากการลงประชามติของประชาชน ดังกล่าวในข้อ 1.แล้วหากจะเสนอให้ล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนั้นด้วยการจัดทำใหม่ทั้งฉบับตามร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอเข้าสู่รัฐสภาในครั้งนี้เพื่อความชอบธรรมและด้วยจิตวิญญาณแห่งระบบประชาธิปไตยดังที่มักกล่าวอ้างกันอยู่ก็ควรถามประชาชนเป็นเบื้องต้นด้วยการเสนอหลักการสำคัญให้มีการลงประชามติเสียก่อนว่า จะเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

 

ข้อ 3 รัฐธรรมนูญปี 2560มีบทบัญญัติอันดีงามอยู่นานาประการอันมีความมุ่งหมายเพื่อการแก้ไขและป้องกันปัญหาเลวร้ายทางการเมืองและสังคมที่ผ่านมาเป็นบทเรียนให้เกิดการพัฒนา สร้างกรอบทางกฎหมายขึ้นได้แก่ระบบกาเลือกตั้งที่ป้องกันปัญหาเผด็จการเสียงข้างมาก หรือเผด็จการทางรัฐสภา การป้องกันและขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบในแวดวงการเมืองและในระบบบริหารราชการแผ่นดิน การมีบทบัญญัติบังคับภาครัฐดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างทั่วด้าน (แม้ขณะนี้จะยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนแต่การปฏิรูปก็อยู่ในกระบวนการดำเนินการทั้งสิ้นหากภาครัฐไม่ดำเนินการก็จะเป็น การมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพราะรัฐธรรมนูญบังคับให้ต้องดำเนินการ)หากจะมีการสนใจศึกษา บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2560อย่างถ่องแท้จะเห็นเนื้อหาสาระอันทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่เห็นปรากฏการณ์วิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติเตียนรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ก็เป็นเพียงบทบัญญัติบางมาตรา ได้แก่

 

มาตรา 272 ที่สมาชิกวุฒิสภามีสิทธิในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมานตรีด้วย ซึ่งเป็นเพียงบทเฉพาะกาลที่ใกล้จะสิ้นผลลงในไม่ช้านี้แล้ว)เป็นต้นหากจะมีการแก้ไขบทบัญญัติที่ไม่พึงปรารถนาของภาคส่วนทางการเมือง ก็ย่อมจะกระทำได้เป็นรายหมวดรายมาตรหามีเหตุอันสมควรจะต้องล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วจัดทำฉบับใหม่ขึ้นมาแทนแต่อย่างใดไม่

 

ข้อ 4. รัฐสภาเป็นองค์กรแห่งอำนาจนิติบัญญัติซึ่งเป็นเสาหลัก 1 ใน 3 เสา แห่งอำนาจอธิปไตยปวงชนชาวไทย การดำเนินการใดๆ ของสมาชิกรัฐสภาอันได้แก่ การตราหรือการแก้ไขกฎหมายใดๆ จะต้องกระทำภายใต้หลักแห่งนิติรัฐและนิติธรรม ไม่พึงกระทำเพียงเพื่อ "ตามกระแสหรือเพื่อหวังบรรเทาแรงกดดันอันปราศจากความชอบธรรมอย่างแท้จริง เพื่อให้ผ่านสถานช่วงหนึ่งไปเท่านั้น

 

พรรครวมพลังประชาชาติไทยยืนหยัดคัดค้านการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 

“รวมพลังประชาชาติไทย\" ประกาศจุดยืน ค้านจัดทำรธน.ใหม่ ทั้งฉบับ

“รวมพลังประชาชาติไทย\" ประกาศจุดยืน ค้านจัดทำรธน.ใหม่ ทั้งฉบับ