นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าในการเร่งรัดการสรรหา สอบคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งบุคคล เข้ารับราชการหรือปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ทดแทนอัตราว่างจากการเกษียณและอัตราตั้งใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานของประชาชน บรรเทาผลกระทบของการว่างงานในสถานการณ์ โควิด-19
โดยสำนักงาน ก.พ. ได้รายงานการดำเนินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 ใน 2 แนวทางสำคัญ คือ การเร่งรัดการดำเนินการสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ และแนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของส่วนราชการ รายละเอียด ดังนี้
1. การเร่งรัดการดำเนินการสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ สำนักงาน ก.พ. ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่ร่วม เพื่อจัดสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ประจำปี 2564 ให้เสร็จสิ้นในช่วงกลางปีและประกาศผลสอบภายในเดือนสิงหาคม 2564 โดยสามารถรับจำนวนผู้สมัครสอบในปีนี้ได้ถึง 847,528 ที่นั่ง
พร้อมทั้งประสานหน่วยงานราชการให้เร่งรัดการเรียกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้รวม 29,831 คน จาก 142 บัญชี ที่ส่วนราชการเองสามารถเรียกบรรจุได้ทันทีเมื่อมีอัตราว่าง
ซึ่งขณะนี้มีส่วนราชการที่อยู่ระหว่างการจัดสอบแข่งขัน จำนวน 35 ส่วนราชการ มีอัตราว่างที่จะบรรจุ จำนวน 885 อัตรา รวมถึงสนับสนุนการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการโดยวิธีอื่นนอกเหนือจากวิธีการสอบแข่งขัน เช่น การบรรจุผู้มีความรู้ความชำนาญสูง (Lateral Entry) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ขอให้หน่วยงานจำนวน 149 ส่วนราชการ เร่งสำรวจสถานะอัตราว่างของตนเอง เพื่อวิเคราะห์สรุปรายงานต่อไป
2. แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของส่วนราชการ ได้แก่ การจ้างพนักงานตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ รอบที่ 5 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2567) จำนวน 219,849 อัตรา และกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการที่ได้รับจัดสรรเพื่อรองรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุ จำนวน 1,308 อัตรา รวมทั้งสิ้น 221,157 อัตรา ซึ่งยังคงมีกรอบอัตรากำลังที่ว่างประมาณ 10,537 อัตรา เมื่อได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนราชการก็จะสรรหาบุคคลเป็นพนักงานราชการต่อไป
พร้อมกันนี้ สำนักงาน ก.พ. ยังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณ ในการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเป็นกรณีพิเศษให้แก่ส่วนราชการเพื่อจ้างพนักงานราชการได้ไม่เกิน 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565) ตามมติครม. เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 หากได้รับงบประมาณแล้วจะเร่งจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการให้แก่ส่วนราชการตามความจำเป็นต่อไป
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการทั้ง 2 แนวทางดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานในภาคราชการพลเรือน เพิ่มโอกาสในการทำงานของประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งยังเป็นช่องทางให้ส่วนราชการได้คัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะสมรรถนะที่สอดคล้องกับภารกิจจำเป็นของหน่วยงานเข้าสู่ระบบราชการด้วย