ครม.ปฏิรูปกฎหมาย เปลี่ยนโทษอาญาความผิดเล็กน้อย เป็นโทษ “ปรับทางพินัย”

02 ก.พ. 2564 | 09:45 น.

ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย เปลี่ยนโทษอาญาความผิดเล็กน้อย เป็นโทษ “ปรับทางพินัย” ให้คุกมีไว้ขังคนทำผิดร้ายแรงเท่านั้น

2 กุมภาพันธ์ 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตามที่ มาตรา 77 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้รัฐพึงกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง และตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย รัฐบาลต้องจัดทำกฎหมายเปลี่ยนแปลงโทษอาญาที่สามารถเปรียบเทียบเพื่อให้คดียุติได้ให้เป็นโทษปรับทางปกครอง

 

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ดังกล่าว ครม. ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ เพื่อเป็นกฎหมายกลางในการพิจารณาและกำหนดมาตรการสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ซึ่งเรียกมาตรการใหม่นี้ว่า “การปรับเป็นพินัย” ซึ่งผู้กระทำความผิดต้องชำระเงินค่าปรับตามที่กำหนด และการปรับนั้นไม่ใช่เป็นโทษปรับทางอาญา รวมทั้งจะไม่มีการจำคุกหรือกักขังแทนการปรับ ไม่มีการบันทึกลงในประวัติอาชญากรรม ตัวอย่างความผิดเล็กน้อยที่เป็นโทษอาญา เช่น 1)ไม่แสดงใบขับขี่ (ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท) 2)สูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ (ปรับไม่เกินสองพันบาท) 3)จอดรถขายผลไม้ริมถนนสาธารณะ (ปรับไม่เกินสองพันบาท) เป็นต้น

 

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ มีดังนี้

 

1.กำหนดให้มี “โทษปรับเป็นพินัย” เป็นโทษอีกประเภทหนึ่ง แยกจากโทษอาญาและโทษปกครอง เพื่อใช้เป็นกฎหมายกลาง

 

2.มุ่งหมายให้ใช้โทษปรับเป็นพินัยแก่การกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในกรณีที่ไม่ร้ายแรง แทนการกำหนดให้เป็นโทษอาญา

 

3.เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้มีอำนาจสั่งปรับ โดยสามารถกำหนดจำนวนค่าปรับตามความรุนแรงของผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำความผิด พฤติกรรม และสภาพแวดล้อมทั้งปวง หรือจะกำหนดให้ทำงานบริการสังคมแทนก็ได้

 

4.ถ้าผู้ถูกปรับเป็นพินัยชำระค่าปรับเป็นพินัยเข้าหลวงแล้ว เป็นอันยุติจบเรื่อง ไม่มีการจำคุกหรือกักขังแทนค่าปรับ ไม่มีการบันทึกประวัติอาชญากรรม และสามารถจ่ายค่าปรับทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

 

5.ถ้าผู้ถูกปรับคัดค้าน หรือไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนด เจ้าหน้าที่ต้องส่งเรื่องและสำนวนให้อัยการดำเนินการฟ้องศาลจังหวัด

 

6.ให้เปลี่ยนความผิดที่มีโทษปรับทางปกครองตามกฎหมายต่างๆ เป็นความผิดทางพินัย เว้นแต่การปรับทางปกครองที่เป็นมาตรการบังคับทางปกครอง และโทษปรับทางปกครอง ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน

 

7.ให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวตามกฎหมายในบัญชี 1 จำนวน 183 ฉบับ เป็นโทษปรับเป็นพินัยภายใน 365 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

8.สำหรับความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวตามบัญชี 2 จำนวน 30 ฉบับ จะตราพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนให้เป็นโทษปรับเป็นพินัยก็ได้ แต่ต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาก่อนไม่น้อยกว่า 30 วัน

 

9.เมื่อพ้น 360 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ให้เปลี่ยนอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฉพาะในการกำหนดโทษปรับอาญาในข้อบัญญัติท้องถิ่นเป็นปรับเป็นพินัย

 

“ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเมื่อกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ คือ 1)คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยใช้ความผิดอาญาเฉพาะการกระทำความผิดที่ร้ายแรงเท่านั้น เพื่อป้องกันการริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินควร 2)สร้างความเป็นธรรมในสังคมและลดการทุจริต โดยเปลี่ยนความผิดร้ายแรงเป็นโทษปรับทางพินัย ซึ่งจะมีกฎหมายอย่างน้อย 183 ฉบับ ที่ถูกเปลี่ยนเป็นโทษทางพินัย 3)ไม่มีการกักขังแทนค่าปรับ ไม่ต้องประกันตัว และไม่มีการบันทึกประวัติอาชญากรรม” รองโฆษกรัฐบาล กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ประกันสังคมมาตรา33" นายกฯสั่ง 4 หน่วยงานถกหามาตรการเยียวยา

ว้าว ครม.เคาะ "ใส่ชื่อตัวเอง" ตัวอักษร-สระ-วรรณยุกต์ บนป้ายทะเบียนรถได้

ครม. เลื่อนแข่งขัน “โมโต จีพี” ออกไปอีก 1 ปี

สั่ง "ร.ร.เอกชน" คืนค่าเทอม นายกฯ เดือด เก็บเต็มที่ทั้งที่เรียนออนไลน์

เรือประมงจอดเพียบ  นัด 4 ก.พ.บุกทำเนียบ