“ยุทธพงศ์-นายกฯ”แลกหมัดปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว

17 ก.พ. 2564 | 14:44 น.

“ยุทธพงศ์”อภิปรายปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปรียบนายกฯ ออกม.44 เหมือนขืนใจหญิงสาว ทั้งกล่าวหา“มท.1”หนีพรบ.ฮั้ว-พรบ.ร่วมทุน ด้าน“นายกฯ”โต้กลับอย่าจินตนา ชี้คำสั่งคสช.ไม่ได้ระบุให้ขยายเอกชนรายเดิม

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นการใช้ ม.44 ยกสัปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับเจ้าสัวฯ ต่อสัปทานไปอีก 40 ปี

โดยนายยุทธพงศ์ ชี้ว่า มีข้อพิรุธ 

1.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 

2.ผิดกฏหมาย พ.ร.บ.ร่วมทุน ปี 2562 

3.ขัดมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวานที่ 20 พ.ย.61

4.เป็นการกระทำที่ขัดแห่งผลประโยชน์ด้วยการผูกขาดตัดตอน เอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวฯ BTS เพียงเจ้าเดียว โดยไม่มีการประมูล ทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งนับเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว การเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ จัดฉากสร้างหนี้เพื่อยกสัมปทานให้กับเอกชน 

5.สร้างความเดือดร้อนให้กับคนกรุงเทพฯ เพราะจะเป็นรถไฟฟ้าที่มีค่าโดยสารที่แพงที่สุดในโลก ถือเป็นการจับประชาชนเป็นตัวประกัน

นายยุทธพงศ์ ยังชี้ว่า ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้บอกความจริงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า กรณีการหมดสัญญาเส้นทางรถไฟฟ้าไข่แดง ในปี 2572 ได้ไปจ้างให้บริษัท BTS วิ่งรถต่อ ไปถึงปี 2585 ตนย้อนถามว่า บ้องตื้นแค่ไหน นำเส้นทางไข่แดงที่ผ่านย่านธุรกิจ ย่านที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดของไทย แทนที่รัฐบาลจะนำมาเป็นของ กทม.เมื่อหมดสัญญา เพื่อบริหารเอง และสัญญาจ้างสิ่งรถกทม.ก็ไปผ่านกรุงเทพธาคม หรือ KT และ KT ก็ไปจ้าง BTS ต่อด้วยวิธีพิเศษทำสัญญามูลค่าล่วงหน้ามูลค่า 187,800 ล้านบาท โดยไม่ผ่านการประมูล ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมขอฝากไปยัง ป.ป.ช.ด้วย เพราะตนทราบมาว่าจะเป่าคดีนี้ทิ้ง มีคนไปวิ่งเต้นอยู่

นายยุทธพงษ์ ได้ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในปี 2559 ในสมัยหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปจ้าง BTS วิ่งรถในรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเขียวเหนือและเขียวใต้ แต่ขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับรฟม.ภายใต้กำกับกระทรวงคมนาคม จึงย้อนถาม กทม.มีอำนาจหรือมีสิทธิ์อะไรให้บีทีเอสวิ่งรถ และยังทำสัญญาล่วงหน้าอีก 1.6 แสน ล้านบาท

ทั้งนี้ในปี 2561 มติคณะรัฐมนตรีที่มี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็มีมติให้กู้เงินกระทรวงการคลังไปใช้หนี้รฟม.เนื่องจากได้โอนส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและเขียวใต้ จากรฟม.ให้กทม.ซึ่งให้กทม.รับหนี้แทน ดังนั้น พลเอกอนุพงษ์จะมาบอกว่าที่ต้องยกสัมปทานให้เขา 40 ปีมีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท เพราะกทม.เป็นหนี้ไม่ได้ และมติครม.ระบุชัดเจน ระบุชัดเจนให้ดูแลค่าโดยสารไม่ให้แพง แต่ต้องระบุตรงๆว่าโคตรจะแพง หนี้ไม่ใช้กลับใช้ ม.44 เจรจาBTS เพื่อขยายสัมปทานแรกหนี้ และอนุโลมว่าเป็นการแก้ไขตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ถือเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ โดยอาจถือเป็นนิติกรรมอำพรางโดยใช้ตัวแทนเพื่อหลีกหนีพ.ร.บ.ร่วมทุน และพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างของรัฐ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 “นายกฯบอก เคารพกฎหมาย แล้วท่านไปออกม.44 ให้กับเจ้าสัวบีทีเอสอยู่เจ้าเดียว ทำไมไม่ออกให้กับคนอื่นบ้าง ”

นายยุทธพงศ์ ยังถามหา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีคนกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เห็นด้วยกับการต่อสัญญา แต่ขณะนี้ไม่เห็นด้วยแล้ว หลังจากปี 2562 สภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบให้ขยายสัมปทาน และได้ส่งให้ครม.พิจารณา

นอกจากนี้ นายยุทธพงศ์ ยังชี้ให้เห็นว่าในเส้นทางไข่แดง ช่วงหมอชิตถึงอ่อนนุช เป็นสัญญาร่วมทุน แต่ว่าต่อขยายคือสัญญาจ้างสิ่งรถ การนำขบวนรถผ่านตลอดเส้นทาง จึงถือเป็นการใช้ทรัพย์สินร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน จึงต้องเป็นพ.ร.บ.ร่วมทุน จึงเป็นปัญหาที่ใช้ม.44 หนีพ.ร.บ.ร่วมทุน

พร้อมกับระบุว่า เรื่องนี่นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ชี้แจงเอง เรื่องนี้ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดคือ บริษัทบีทีเอส วิ่งรถได้ไกลขึ้นก็ไปขนคนจากสมุทรปราการมาพื้นที่ไข่แดง จากปทุมธานีมาพื้นที่ไข่แดง และยังได้ค่าจ้างวิ่งรถได้แต่กำไร แถมยังไปเอาเงินในอนาคตมาใช้ นำสัมปทานไปขายให้กับนักลงทุนเป็นหุ้น BTS GIF ได้เงินสดมา ผลประโยชน์มหาศาล

บรรยากาศการอภิปรายเริ่มตรึงเครียดหลัง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลรุมประท้วง หลัง นายยุทธพงศ์ นำรูปผู้หญิงมาอภิปรายก่อนที่นายยุทธพงศ์ จะชี้แจงว่า ตนจะเปรียบเทียบรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหมือนสาวสวยเพราะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดทำกำไรดีที่สุดในประเทศไทย แต่การที่นายกรัฐมนตรีออกม.44 เหมือนผู้หญิงถูกขืนใจ ทำให้นายกรัฐมนตรีเสียขุนคลังมือดีไป 2 คน ทั้ง นายอุตตม สาวนายน และนายปรีดี ดาวฉาย เนื่องจากไม่กล้าเซ็นพ.ร.บ.ร่วมทุน เนื่องจากกลัวติดคุกจึงลาออก

ทั้งนี้ก่อนที่ นายยุทธพงศ์ จะจบการอภิปราย ได้กล่าวว่า Next Station ของบิ๊กตู่ต่อการใช้มาตรา 44 ในการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือศาลรัฐธรรมนูญ

 

“นายกฯ”โต้“ยุทธพงศ์”อย่าจินตนาการ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงนายยุทธพงศ์ ว่า ตนพยายามรับฟังตลอดทั้งในและนอกห้อง แต่กิริยาไม่ได้แตกต่างกัน พอเข้ามาแล้วก็เจอคำขู่ คำไล่ ซึ่งจริงๆ ไม่ควรใช้คำเหล่านี้ เพราะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งการจะอยู่หรือจะไปขึ้นอยู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่มาไล่อย่างนี้ หากจะพูดให้ไปไปข้างนอก และพูดให้มันไพเราะกว่านี้หน่อย ตนเองก็ยังปรับปรุงตัวเยอะมากแล้ว

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งมีการทำงานถึงสามช่วงสายหลักสายสุขุมวิทและสายสีลมเป็นช่วงที่ทำสัญญาสัมปทานให้กับเอกชนไว้ตั้งแต่ปี 2535 ระยะเวลา 30 ปีจะสร้างเสร็จในปี 2572 ช่วงต่อไปเป็นส่วนต่อขยายที่สองเดิมการรถไฟ หรือ รฟม.เป็นผู้ก่อสร้าง ต่อมาปี 2561 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้โอนช่วงดังกล่าวให้ กทม.รับมาบริหารแทน และรับภาระหนี้ต่างๆ มาจากการการรถไฟด้วย

โดยโครงการนี้มีสัญญาดำเนินงานแตกต่างกันในแต่ละช่วง อาจจะทำให้เกิดปัญหาการบูรณาการ, การบริหารจัดการโครงการ และ การบริหารจัดการสัญญาที่ไม่มีความเป็นเอกภาพ หากต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายร่วมทุนภาครัฐและเอกชน หากแก้ไขปัญหาดังกล่าวอาจจะทำให้การดำเนินงานล่าช้าออกไปอีก 2-3 ปี ซึ่งรัฐบาลไม่อยากให้เกิดปัญหา การเดินรถที่อาจจะไม่เกิดความต่อเนื่องเช่นบางคงการในอดีตที่ใช้มาตรา 44 แก้ไข ช่วงฟันหลอ 1 กิโลเมตร

ดังนั้นจึงมีการหารือซึ่งกันและกัน จึงออกคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดยตนเองลงนามเพื่อให้เกิดการบูรณาการการบริหารจัดการโครงสร้างของโครงการและสัญญาที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ทั้งสามช่วงให้เกิดเอกภาพสามารถเดินรถแบบต่อ เนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกันอำนวยความสะดวกความสบายของประชาชนและให้กำหนดอัตราค่าโดยสารให้เหมาะสมและไม่เป็นภาระของประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดใดในเรื่องของราคาอย่างที่บอกซึ่งอยู่ในขั้นตอนการหารือซึ่งขณะนี้ได้มีการฉลองไปตามที่ กทม.ได้แจ้ง 

การดำเนินการจากมาตรา 44 และมีการตั้งคณะกรรมการมาดูเรื่องนี้และมีองค์ประกอบของคณะกรรมการแนวเดียวกับองค์ประกอบคณะกรรมการตามกฏหมายร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นเพื่อประโยชน์ในการรวมกันของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่หนึ่ง และส่วนต่อขยายที่สอง โดยให้ดำเนินการเจรจากับผู้รับสัมปทานกับผู้รับสัมปทาน เพื่อให้เกิดการเดินรถแบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน และอำนวยความสะดวกของประชาชนผู้โดยสาร และมีอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระหากมีผลการเจรจาจนได้ข้อยุติ

และได้ร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไขก็ให้ถือว่าเป็นการดำเนินการตามกฏหมาย พ.ร.บ.การร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชนในส่วนของการแก้ไขสัญญาแล้วในขั้นตอนอื่นๆหลังจากนี้ขอให้หน่วยงานได้ดำเนินการพิจารณาตามกฏหมายร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน

นอกจากนี้ในคำสั่ง คสช.ไม่ได้ระบุหรือบังคับให้มีการขยายสัมปทานกับเอกชนรายเดิมออกไปถึง 40 ปีอย่างที่กล่าวหา และการที่กล่าวหาว่า รัฐเอกชนรายเดิม หรือทำใหม่เจรจากับเอกชนรายเดิมในข้อเท็จจริงนั้น ในสัญญาสัมปทานเดิมของการจ่ายหลักที่ทำไว้ปี 2535 กำหนดว่าหาก กทม.จะให้มีการดำเนินการในสายทางเพิ่มเติมในระหว่างอายุสัญญาขยายเส้นทางของระบบ บริษัทมีสิทธิ์เป็นรายแรกที่จะเจรจาก่อนดังนั้น หากไม่เจรจากับเอกชนรายเดิม อาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องภายหลังได้ เพราะไม่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา

อย่างไรก็ตาม จะให้เกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นใน คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ประกาศความร่วมมือป้องกันการทุจริต แนวทางและวิธีการในการดำเนินโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แบบข้อตกลงคุณธรรม การคัดเลือกผู้สังเกตการณ์มาใช้กับการดำเนินงานตามคำสั่ง รวมถึงค่าโดยสารตามกฏหมายที่อยู่อำนาจของผู้ว่ากรุงเทพฯ คำสั่งคสช. ที่กล่าวถึงมีสารสำคัญเพียงเท่านี้  

ส่วนผลการดำเนินการตามคำสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ชี้แจง ทั้งในส่วนของค่าโดยสารและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน แต่ตนเองยืนยันว่าเรื่องของการพิจารณาดังกล่าวยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นขั้นตอนการเจรจากันอยู่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอร้องว่า อย่าพูดเลยเถิดหรือเกินเลย ว่าให้ไปแล้วและขึ้นราคาเท่านั้นเท่านี้ อย่าพึ่งจินตนาการไปขนาดนั้น และกฎหมายที่อ้างว่าผิดรัฐธรรมนูญ ตนเองไม่ใช่ศาล แต่ตนเองปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วในเรื่องของการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 ซึ่งเรื่องนี้ก็แล้วแต่ศาลหากเข้าสู่กระบวนการ เพราะคำสั่งนั้นบอกให้กำหนดค่าโดยสารในอัตราที่เหมาะสม และระบุไว้ว่าให้รักษาวินัยการเงินการคลัง ให้มีคณะกรรมการมาสังเกตการณ์ตามข้อตกลงของคุณธรรมแบบไม่ผูกขาดสัญญาเดิมให้เจรจากับรายเดิม