thansettakij
แพทยสภา แจงยิบปมพิจารณา "คดีทักษิณ" ยันเอกสารเพียงพอแล้ว

แพทยสภา แจงยิบปมพิจารณา "คดีทักษิณ" ยันเอกสารเพียงพอแล้ว

10 เม.ย. 2568 | 10:25 น.

แพทยสภา เผยความคืบหน้าคดีจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ ปมรักษา "ทักษิณ" ชี้ขั้นตอนยังอยู่ในมือ "อนุกรรมการสอบสวน" ยันดำเนินการตามระยะเวลา ย้ำเอกสารเพียงพอแล้ว

10 เมษายน 2568 ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา พร้อมด้วย รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทย์สภา และ รศ.นพ.ต่อพล วัฒนา กรรมการแพทย์สภา แถลงข่าวภายหลังการประชุมแพทยสภาประจำเดือน ครั้งที่ 4/2568 ถึงการสอบสวนจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจกรณีการพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ 

รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี กล่าวว่า ตนขออธิบายขั้นตอนการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่มีแพทย์ถูกร้องเรียนโดยเริ่มต้นจากเมื่อมีผู้ร้องเรียนเข้ามาก็จะมีการส่งเรื่องไปยังลำดับที่ 1 คณะอนุกรรมการจริยธรรมพิจารณาซึ่งมีกรอบเวลาในการทำงาน 4 เดือนขยายเวลาได้ 2 เดือน

จากนั้นจะนำมติเข้าสู่ลำดับที่ 2 อนุกรรมการกลั่นกรอง ให้ความเห็นเพิ่มเติมประกอบในสำเนา มีกรอบเวลาทำงาน 1-2 เดือน จากนั้นก็จะส่งมายังลำดับที่ 3 คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ที่มีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง โดยขั้นตอนนี้มีกรอบเวลา 1-2 เดือนในการพิจารณาว่า คดีที่ถูกร้องมีมูลหรือไม่

หากไม่มีมูลก็จะจบไปแต่ถ้ามีมูลก็ต้องสอบสวนเพิ่มเติมในลำดับที่ 4 อนุกรรมการสอบสวนพิจารณาคดีต่อซึ่งมีการกำหนดกรอบเวลาชัดเจนว่า จะต้องสิ้นสุดลงเมื่อใด โดยนับเวลาตั้งแต่วันที่อนุกรรมการสอบสวนได้รับเอกสาร จะให้เวลาประมาณ 180 วันหรือ 6 เดือน ให้มีมติว่ามีการ "ยกข้อกล่าวหา" หรือ "ผู้ถูกร้องมีความผิด" 

"กรณีที่มีความจำเป็นจริง ๆ ถ้าเห็นว่า สอบสวนไม่ทัน เช่น ต้องใช้เวลารอเอกสาร ติดต่อไม่ได้ จะมีการขยายเวลาได้ครั้งละ 1 เดือน เต็มที่ไม่เกิน 120 วัน 4 เดือน ดังนั้น ระยะเวลาที่อยู่ในอนุกรรมการสอบสวน ถ้าไม่มีการต่ออายุจะจบสิ้นภายใน 6 เดือน ขยายเต็มที่ก็ไม่ให้เกิน 4 เดือน" รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี กล่าวและว่า

จากนั้นสำเนาจะถูกส่งไปยังลำดับที่ 5 อนุกรรมการกลั่นกรองที่มีบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่แพทย์แต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายระดับประเทศ ให้ความเห็นต่อคดีเพื่อให้มีความแน่นหนาต่อการทำสำนวน

ต่อมาก็จะส่งมาลำดับที่ 6 คณะกรรมการแพทยสภาอีกครั้งเพื่อพิจารณาว่ามีผู้ถูกร้องมีความผิด ต้องลงโทษอย่างไร หรือต้องมีการยกข้อกล่าวหาไป

สุดท้ายจะเป็นลำดับที่ 7 เสนอต่อสภานายกพิเศษ ซึ่งถ้ามีการพิจารณาโต้แย้ง ก็จะต้องย้อนกลับมายังคณะกรรมการแพทยสภาลงความเห็น ถ้า 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิมก็จะมีการยื่นต่อศาลปกครองต่อไป แต่ถ้าเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ก็จะถือว่า ยึดตามความเห็นของสภานายกพิเศษ

ส่วนคดีที่เป็นประเด็นตอนนี้ ยังอยู่ในลำดับที่ 4 และกรอบเวลายังไม่ถึง 6 เดือนแรก ฉะนั้น กรณีนี้ยังอยู่ในคณะอนุกรรมการสอบสวน จึงยังไม่ได้มีการบรรจุวาระใด ๆ เข้ามาในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาเพียงแต่อาจเป็นความคลาดเคลื่อนของการสื่อสาร เพราะขั้นตอนลำดับที่ 4 อนุกรรมการสอบสวนยังไม่สิ้นสุดซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติในทุกกรณีในข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2563

ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า แพทยสภาทำตามกระบวนการและพยายามกำกับให้อยู่ในระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งท่าน ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ที่เป็นประธานอนุกรรมการสอบสวนฯ ยังทำหน้าที่เต็มที่และมีอิสระในการทำงาน ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ จะไม่มีการเผยแพร่ออกมาก่อน เพื่อให้สอบสวนเป็นไปตามที่ควรเป็น ย้ำว่า ถ้าสำนวนยังไม่สิ้นสุด ก็จะไม่มีการเสนออะไรใด ๆ เข้ามาในคณะกรรมการแพทยสภาแน่นอน 

เมื่อถามกรณีที่มีการส่งเอกสารเข้ามาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่อนุกรรมการสอบสวนมีการทำสำนวนเสร็จแล้วสามารถทำได้หรือไม่ ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตามข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมฯ ระบุว่า อนุกรรมการสอบสวนต้องรับพยานหลักฐานจากผู้ถูกร้องที่ยื่นมาให้ "ยกเว้น" พยานหลักฐานนั้นไม่ได้เกี่ยวกับคดี หรือมีลักษณะที่เป็นการประวิงเวลา ก็จะไม่รับ ซึ่งถ้าอนุกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าจะรับเอกสารเพิ่ม ก็จะมีการรายงานเรื่องเหล่านี้ในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาซึ่งอยู่ในลำดับที่ 6

"ส่วนกรณีดังกล่าวนี้ ทางอนุกรรมการสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์มาแล้วว่า เอกสารที่สำคัญต่อการพิจารณาคดีนั้นเพียงพอครบถ้วนแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการแพทยสภา ก็ยังไม่ได้เห็นข้อมูลอะไรใดๆ ทั้งสิ้น" ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าการพิจารณาคดีของ นายทักษิณ จะมีกรอบเวลาที่สิ้นสุดแน่นอนในเดือนใด ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตามกรอบเวลาที่ได้แจ้งทั้งหมดแล้วนั้น ต่อให้อนุกรรมการสอบสวนขอขายเวลาจาก 6 เดือนเพิ่มอีก 4 เดือน ก็คิดว่าไม่ควรเกินปีนี้ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นการแทรกแซงอนุกรรมการสอบสวน ดังนั้นเราก็จะไม่เที่ยวไปสอบถาม

ขณะที่ รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีการส่งเรื่องมาช่วงเดือนธันวาคม 2567 ซึ่งนับเวลามาถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในเดือนที่ 5 ยังไม่ถึง 6 เดือนแรกตามกรอบเวลา ถ้าคำนวณจากกรอบแรกก็จะจบภายในเดือนมิถุนายนแต่ถ้ามีการขยายออกไปก็ได้มากสุด 4 เดือน