รื้อ‘ค่าโง่โฮปเวลล์’ ความหวังอยู่ที่‘ศาลรธน.’

27 ก.พ. 2564 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.พ. 2564 | 03:48 น.

รื้อ‘ค่าโง่โฮปเวลล์’ ความหวังอยู่ที่‘ศาลรธน.’ : รายงาน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,657 หน้า 10 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2564

เริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กๆ กับการรื้อคดี “ค่าโง่โฮปเวลล์” 2.4 หมื่นล้านบาท เมื่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 17 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

โดยเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งคำร้องของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ขอให้วินิจฉัยว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดนำมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/ 2545 วันพุธที่ 27 พ.ย. 2545 ที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มี.ค.2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และ มาตรา 197 หรือไม่ และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติหรือการกระทำ ดังกล่าว  

โดยศาลปกครองสูงสุดได้ส่งเอกสารรายงานการประชุมตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดครั้งดังกล่าว รวมทั้งระเบียบและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับรวมไว้ในสำนวนแล้วนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงให้ยุติการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 17 มี.ค. 

 

รื้อ‘ค่าโง่โฮปเวลล์’ ความหวังอยู่ที่‘ศาลรธน.’

 

คดีนี้ ก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายรัฐในสัญญาสัมปทาน โครงการโฮปเวลล์ ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินยื่น ระบุว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ส่งให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ ไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา มติดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่สามารถใช้บังคับได้  

นอกจากนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบและมีมติเห็นว่า เมื่อมติที่ประชุมใหญ่ฯ ดังกล่าวไม่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สามารถใช้บังคับได้ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 5 มาตรา 6 และ มาตรา 44

 

อีกทั้งมติที่ประชุมใหญ่ฯดังกล่าวยังกำหนดให้เริ่มนับอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ “ศาลปกครองเปิดทำการ” คือ ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.2544 ซึ่งผิดไปจากพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 51 ที่บัญญัติว่า ให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ “รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี”

ดังนั้น จึงเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 188 และมาตรา 197 ทำให้เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่ไม่อาจใช้บังคับได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 วรรคหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิดังกล่าวสามารถใช้สิทธิทางศาลรัฐธรรมนูญได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม 

 

ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ 60 ประกอบ มาตรา 46 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561

โอกาสที่จะรื้อคดี “ค่าโง่โฮป เวลล์” ขึ้นมาพิจารณาใหม่ เพื่อไม่ให้รัฐบาลไทยต้องเสียเงิน  2.4 หมื่นล้านบาท มาถึงแล้ว

ความหวังอยู่ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ”

สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร!