1 มีนาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีกระแสข่าวว่า ตนจะไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่า ยังไม่มีสัญญาณจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และยังไม่มีการพูดคุยใดๆเป็นเพียงการคาดเดาของสื่อ ซึ่งการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทราบว่า จะมีการนำเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่แต่หากหยิบยกขึ้นมาหารือในที่ประชุมก็ต้องพูดคุยกัน และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีช้าหรือเร็ว
ส่วนจะเป็นการปรับ ครม. ใหญ่ หรือไปรับเฉพาะ3 ตำแหน่งที่ว่างลงและแลกกระทรวงกันนั้น เห็นว่า กระแสข่าวก็คือกระแสข่าวทุกอย่างขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร เป็นผู้ดำเนินการ พร้อมย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆมีเพียงกระแสข่าวเท่านั้น และตนในฐานะเลขาธิการพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกครั้งก่อนปรับ ครม.ก็จะมีกระแสข่าวและการเคลื่อนไหวลักษณะเช่นนี้ออกมาซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวล ไม่มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต พร้อมย้ำอำนาจการปรับครม.เป็นของนายกฯ ที่จะตัดสินใจเพื่อประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ทราบข่าว ส.ส.พลังประชารัฐลงชื่อมอบอำนาจให้พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ตัดสินใจในการพิจารณาปรับครม.ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และไม่ทราบว่า มีหนังสือจริงหรือไม่
ส่วน ส.ส.ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐเสนอตัวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตาภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีใครมาพูดอะไรกับตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคเป็นเพียงแค่ข่าวแต่ยอมรับอาจจะมีคนบางกลุ่มที่มีการพูดคุยกันซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะพูดคุยก่อนปรับครม.ทุกครั้ง ส่วนหลังเลือกตั้งซ่อมเพื่อเกลี่ยตำแหน่งตามโควตาส.ส.ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ พิจารณาว่า กรอบเวลาใดเหมาะสมในการปรับ ครม. พร้อมกับยืนยันว่า ตนไม่เคยต่อรองขอหรือเรียกร้องตำแหน่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่
ส่วนจะถนัดงานในกระทรวงศึกษาธิการ หรือ ดีอีเอส ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ เช่นเดียวกันแล้วแต่ผู้ใหญ่จะให้ทำงานในส่วนไหนก็พร้อมอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ขณะเดียวกันนายอนุชายังกล่าวถึงผลสอบ 6 ส.ส.ดาวฤกษ์ว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นซึ่งตนแม้จะเป็นเลขาธิการพรรคแต่ก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายและไม่ทันในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้เพราะมีกรอบระยะเวลาการพิจารณา 15 วัน
ส่วนกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยประกาศไม่พอใจ ส.ส. กลุ่มดาวฤกษ์ นั้น เดี๋ยวค่อยว่ากันเพราะต้องรอผลสอบของคณะกรรมการว่า จะถึงจุดไหนอย่างไร ยอมรับเหตุการณ์นี้ในทางการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นเรื่องของส่วนรวม ส่วนที่นายอนุทินไม่รับคำขอโทษก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปว่ากัน ซึ่งตนในฐานะเลขาธิการพรรคก็ต้องขอโทษและต้องทำในสิ่งที่ควรทำเพราะเป็นเรื่องที่ต้องอยู่ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :