วันนี้ (20 มีนาคม 2564) เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการชุมนุมซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มรีเดมในวันนี้ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 18.00น.-21.00น.
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จะมีกลุ่มมวลชน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเยาวชนปลอดแอก (REDEM) เวลา 18.00-21.00 น. 2.กลุ่มศิลปะปลดแอก (FreeArt) เวลา 18.30 น. และ 3. กลุ่มเพื่อนอานนท์ เวลา 19.19 น. มารวมตัวกันบริเวณท้องสนามหลวงในช่วงบ่ายวันนี้
ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแจ้งเตือนว่า เนื่องจากขณะนี้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบกับมีประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 5 มีนาคม 2564 ประกาศห้ามในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ห้ามไม่ให้มีการชุมนุมมั่วสุม หรือจัดกิจกรรมในลักษณะหนึ่งลักษณะใดที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ประกอบ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ
การชุมนุมทุกอย่างในกรุงเทพมหานคร ถือว่ากระทำผิดกฎหมาย และฝากเตือนถึงผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งกรณีที่มีการประกาศว่าจะมีการแจกจ่ายหนังสือหรือสิ่งพิมพ์บางอย่างที่มีเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะเป็นความผิดหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใด หรือมีความผิดตามมาตรา 112 ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ผู้จำหน่าย ผู้จ่ายแจก หรือผู้เกี่ยวข้องถือเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยทั้งนั้น
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามสถานการณ์และการข่าว และจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับประชาชนผู้สัญจรไปมา โดยยืนยันว่าจัดกำลังไว้เพียงพอตามสถานการณ์และการข่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่มีการชุมนุมมา ตำรวจได้จับกุมและคุมตัวผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 179 คดี ส่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการ 129 คดี ส่วนที่เหลือกำลังสืบสวนสอบสวน และจะรายงานผลเป็นระยะ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พื้นที่สนามหลวงเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร แต่อย่างไรก็ตามกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเสริมการปฏิบัติของกรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและระงับเหตุต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
ส่วนการวางรั้วลวดหนามและตู้คอนเทนเนอร์รอบสนามหลวงนั้น เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องตั้งแนวป้องกันรักษาสถานที่สำคัญ อาทิ ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ฯลฯ
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเสริมว่า ความจำเป็นที่ต้องวางสิ่งกีดขวางกีดกั้น เป็นการประเมินสถานกาณ์ของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันระวังไม่ให้มีการกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ยกตัวอย่างเช่น การรักษาสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ การป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ และป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกเข้าไปในสถานที่
แต่ขณะที่ชุมนุมนั้นอาจมีอารมณ์ร่วมระหว่างการชุมนุม ฉะนั้นการวางสิ่งกีดขวางหรือสิ่งกีดกั้นเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้มาชุมนุมกระทำผิดซ้ำ ซึ่งอาจเป็นการกระทำความผิดที่มีอัตราโทษสูงขึ้น เป็นการประเมินสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งคงจะเป็นการดำเนินการที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติของประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความเป็นห่วงจึงพยายามดำเนินการให้ดีที่สุดเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยควบคู่ไปกับการบริหารจัดการด้านการจราจร
สำหรับการชุมนุมโดยหลักการแล้วในห้วงปกติที่ไม่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องการระบาดของโรคติดต่อที่ร้ายแรง การชุมนุมจะต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่และการชุมนุมนั้นจะต้องเป็นไปโดยสงบตามสันติวิธี
แต่ขณะนี้อยู่ภายใต้การบริหารของกฎหมายที่มีความพิเศษขึ้นมา ดังนั้นการชุมนุมจึงไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องการบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการต่างๆ และสถานที่สำคัญ ซึ่งมีการเชิญชวนผ่านออนไลน์ให้ใช้สิ่งของที่ไม่เหมาะสมบุกรุกเข้าเข้าไปขว้างปาสิ่งของต่างๆ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและไม่สมควร ในการตั้งแบริเออร์ในรูปแบบต่างๆ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุหนักขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดที่รุนแรงไปกว่านี้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ส่วนมาตรการรับสถานการณ์การผู้ชุมนุม ช่วงเช้าจะยังไม่มีการวางสิ่งกีดขวางปิดการจราจร แต่ในช่วงเย็นที่จะมีการชุมนุม เจ้าหน้าที่จะประเมินตามสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนสนามสอบต่างๆ ไม่ได้อยู่รอบสนามหลวง แต่เส้นทางเคลื่อนผ่านของผู้ชุมนุมอาจมีผลกระทบ
ตอนนี้ยังไม่สั่งปิดถนน แต่จะดูสถานการณ์ในช่วงเย็นอีกครั้งว่าจำเป็นต้องปิดถนนหรือไม่ ซึ่งถนนท้ายวังและอัษฎางค์จะได้รับผลกระทบแน่นอน ขอให้ใช้สะพานพุทธ สะพานปกเกล้า ข้ามจากฝั่งพระนครไปฝั่งธนบุรีเป็นเส้นทางเลี่ยง รวมถึงสะพานพระราม 8 และสะพานซังฮี้ เพื่อเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ และถนนกาญจนาภิเษก