พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงมีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมมาโดยตลอด ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มชุมนุมได้มีการแยกตัวออกเป็นหลายกลุ่ม บางกลุ่มก็ใช้ความรุนแรง บางกลุ่มก็ไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีการมาโดยตลอด ภาครัฐต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสงบ
“ทุกคนคือ คนไทยด้วยกัน สิ่งที่ผมเป็นกังวลก็คือ มีคนจํานวนหนึ่งที่ไม่ชอบกลุ่มชุมนุม ก็ต้องระมัดระวังทางนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการทำร้ายซึ่งกันและกัน และผมเชื่อว่าหากทำอะไรไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน ความรุนแรงก็จะไม่เกิดขึ้น เพิ่งตื่นก็ต้องช่วยผม พร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพเหตุการณ์ เนื่องจากผมนั้นเป็นห่วงสื่อมวลชนในพื้นที่ ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ชุมนุมมากๆ หากมีการปฏิบัติการก็ได้รับผลกระทบ”
ส่วนกรณีการใช้อาวุธปืน ในพื้นที่การชุมนุม ตนได้ดำเนินการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน เพราะเป็นการทำร้ายกันของกลุ่มประชาชน ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังประชาชนมากที่สุด ไม่ให้ได้รับผลกระทบ และได้กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว ถึงการทำงานของสื่อมวลชนในพื้นที่ หากมีการปะทะก็ต้องออกมาจะได้ปลอดภัย
ส่วนกรณีที่สื่อต้องอยู่ในสถานการณ์แล้วเลี่ยงไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรี ตอบกลับด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า ก็รู้อยู่แล้วจะเกิดความรุนแรงตอนใด ทำไมจะเลี่ยงไม่ได้ เมื่อตำรวจเริ่มจะปรับก็ต้องออกไปถ่ายด้านข้าง ไม่ใช่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะเขาต้องทำงาน มีการประกาศแล้วไม่ใช่หรือ ต่อไปนี้หากจำเป็นต้องทำให้เหตุการณ์สงบ
“เห็นหรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่ถูกกระทำอะไรก่อนหน้านี้ ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ แล้วจะเพิ่มกำลังเข้าไปหาผู้ชุมนุมหรือไม่ หากไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และส่อเจตนาที่บานปลาย จะปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปทั่วทุกพื้นที่หรืออย่างไร ทุกประเทศเขาก็ทำกันอย่างนี้ ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด การเคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่น ก็ส่งผลกระทบกับคนอื่นด้วยไม่ใช่หรือ หากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไม่ทำ มีประชาชนร้องเรียนขึ้นมา จะไม่ดูแลเขาหรืออย่างไร การใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วสื่อมวลชนก็ถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่อย่างเดียว มาลงหน้าหนึ่ง ดีอะไรกับประเทศหรือไม่ มารับผิดชอบกับคนบ้างไหม ประเทศชาติ ต่างประเทศก็จะเข้าใจผิด ทำร้ายตำรวจควรหรือไม่ รับได้หรือ ตำรวจพูดคอจะแตกอยู่แล้วว่าอย่าทำผิดกฎหมาย”
สำหรับกรณีที่มี Twitter ให้คุกคามครอบครัวของนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า ควรหรือไม่ สื่อก็ต้องพูดไปว่าไม่ควร สื่อต้องช่วยตนบ้าง ต้นไม่เห็นว่ามีใครจะพูดให้ตนสักคน ส่วนการดำเนินคดีเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ที่จะดำเนินการเอง เพราะมีคนดูให้อยู่แล้ว ใครที่พูดจาให้ร้าย เกลียดชัง ก็ถือว่าหมิ่นประมาทอยู่แล้ว และถามกลับว่าใครมารังแกลูกสาวท่านจะยอมหรือไม่ กฎหมายนั้นมีหรือไม่ กฎหมายก็มี อย่าฝืนกฎหมาย ลูกและครอบครัวตนไม่เคยทำอะไรให้ใครเสียหาย ไม่เคยออกมาให้เห็นอยู่แล้ว
ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำกับสื่อมวลชนว่า เป็นห่วงการทำงานของสื่อมวลชนในสถานการณ์การชุมนุมที่มีความรุนแรง เมื่อสื่อมวลชนอยู่ฝั่งเดียวกับกลุ่มผู้ชุมนุมก็ถ่ายแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียว ขอให้ถ่ายไปฝั่งผู้ชุมนุมบ้าง ตนนั้นเป็นห่วง