ดัน ต่างชาติ ฟื้น อสังหา ไทย

25 ต.ค. 2563 | 12:33 น.

รัฐบาล ดึง ต่างชาติ ซื้อ คอนโดมิเนียม-กองทุนอสังหาริมทรัพย์  ผ่านการ ใช้บัตรสมาชิก “ไทยแลนด์ อีลิทการ์ด” ให้สิทธิพิเศษวีซ่า อายุ 5 ปี 10 ปี และ 20 ปี ตามราคาบัตร สอดรับ ข้อเสนอของภาคธุรกิจอสังหาฯ ขอรัฐขยายวีซ่าระยะยาวหากซื้อ ที่อยู่อาศัย 5ล้านบาทขึ้นไป

 

 

 

 

รัฐบาลอยู่ระหว่าง หารือ มาตรการดึงต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียม-กองทุนอสังหาริมทรัพย์  ผ่านการ ใช้บัตรสมาชิก ไทยแลนด์ อีลิทการ์ด ให้สิทธิพิเศษวีซ่า อายุ 5 ปี 10 ปี และ 20 ปีตามราคาบัตร ว่า มาตรการดังกล่าว มีความสอดคล้องกับข้อเสนอของภาคธุรกิจอสังหารมทรัพย์มาก่อนหน้า ในการขอให้รัฐบาลช่วยออกมาตรการจูงใจกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ให้เข้ามาซื้อ-ลงทุนมากขึ้น หลังสถานการณ์โควิดไทยคลี่คลาย และการบริหารจัดการอยู่ในขั้นดีเยี่ยม  ส่งผลให้ที่อยู่อาศัย เป็นที่ต้องการในแง่  บ้านหลังที่สอง ( Second Home ) ที่ปลอดภัยที่สุด

ท่ามกลางกำลังซื้อคนไทย ตั้งแต่ระดับล่าง-กลาง หดตัวรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจ และการขอสินเชื่อเป็นไปด้วยอุปสรรค ข้อจำกัด  นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สะท้อนว่า  ผู้ประกอบการคาดหวัง จะ ช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูความคึกคักของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการขอแก้กฎหมายในการถือครองกรรมสิทธิ์ในกลุ่มคอนโดมิเนียม  49%  หรือ เปิดช่องให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินได้ รวมถึง การให้วีซ่าระยะยาว แก่กลุ่มต่างชาติเหล่านั้นก็ตาม  มองว่า  รัฐยังไม่พร้อมเปิดโอกาสในลักษณะดังกล่าวเต็มที่  

จึงแปลงเป็นการให้สิทธิพิเศษลักษณะคล้ายกันในรูปแบบ อีลีทการ์ด แทน ซึ่งสมาคมก็มองว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ที่รัฐมองเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มคนต่างชาติต่อธุรกิจอสังหาฯ เวลานี้ แต่ทั้งนี้ ยังไม่มั่นใจในรายละเอียดและเงื่อนไขที่จะออกมา ว่าตอบโจทย์และสามารถแก้ไขข้อจำกัดเดิมได้หรือไม่ เช่น การเข้ามาเจ็บป่วย ระหว่างพักอยู่อาศัยในไทย ประกันชีวิตชั้นเยี่ยมที่ลูกค้าเคยทำไว้ ณ ประเทศต้นทาง จะใช้ครอบคลุมการรักษาในไทยได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องหาวิธีการรองรับที่เหมาะสม โดยหากสำเร็จ คาดว่า จะมีคนต่างชาติ โดยเฉพาะวัยเกษียณ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง จะหลั่งไหลเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยย่างมาก

 

ดัน ต่างชาติ ฟื้น อสังหา ไทย

 

เช่นเดียวกับ สถานที่และขั้นตอนการต่อวีซ่า ที่ควรจะปรับเปลี่ยน เพิ่มความสะดวกให้แก่คนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งหากแก้ไขไม่ได้ การขยายวีซ่าระยะยาวรอบละ 5 ปี หรือ 10 ปี เช่นเดียวกับในประเทศมาเลเซีย น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกระตุ้นตลาดแนวราบในเมืองท่องเที่ยวได้อย่างดี เนื่องจากปัจจุบัน

ปฎิเสธไม่ได้ว่า มีต่างชาติจำนวนมากอาศัยช่องว่างของกฎหมายเข้ามาอยู่อาศัยในโครงการบ้านจัดสรรไม่น้อย ซื้อ-ขาย ในลักษณะนอมินี เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ ฉะนั้น รัฐไม่ควรปิดตา และหันมาเพิ่มโอกาส ทำให้ทุกอย่างถูกต้อง เพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

 

" วันนี้หลายประเทศยังทำนิวไฮด์ ยอดผู้ป่วยโควิด แต่ประเทศไทยสามารถเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาได้แล้ว นั่นคือโอกาส โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว ล่าสุด เชียงใหม่ กำลังเป็นที่ต้องการสูงของกลุ่มผู้ปกครองชาวจีน หลังต้องการนำบัตรหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนนานาชาติชั้นดี 3 แห่ง ซึ่งพอมาเรียน ก็ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว หลังละ 10-20ล้าน หากขายได้ 100 ล้าน มูลค่าจะเกิดขึ้นอีกมหาศาล "

อย่างไรก็ตาม การเปิด โอกาสให้คนต่างชาติ เข้าประเทศ ล็อตแรก  แม้เป็นกลุ่มขนาดเล็ก แต่ดีกว่ารัฐบาลไม่ มีมาตราการอะไร  ออกมา และหากพบว่า กลุ่มแรก ที่มาใช้ชีวิต ในเมืองไทย ไม่มีการ ติดเชื้อแพร่ระบาด นั่นหมายถึง ปีหน้าไทยสามารถอ้าแขนรับต่างชาติได้มากขึ้น  ส่งผลถึง การเข้ามาซื้อ อสังหาในไทยอย่างคอนโดมิเนียมที่ล้นสต็อก   กว่า6หมื่นหน่วย ให้ระบายออกได้อีกครั้ง ย่อม เป็นสิ่งที่น่าพอใจยิ่ง แต่

 

ทั้งนี้  ต้องมีแม่เหล็กดึงดูดใจ สร้างความฮือฮาพอ อย่าง การให้ วีซ่า ระยะยาว  แลกกับการ ซื้อขายขาด   ขณะ มาตรการทางการท่องเที่ยว  ผ่านอีลิกการ์ด   ให้วีซ่าตาม มูลค่าบัตร  เป็น เรื่องของการกระตุ้นท่องเที่ยว  ส่วนการซื้ออสังหากลุ่มแพง  สำหรับนักท่องเที่ว นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย  มองว่า  เป็นเรื่องที่ดี   แต่รายละเอียดยังไม่ออกมาอย่างแน่ชัด  หากมองย้อนไป ยัง ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย  ต่างชาติ ซื้อที่อยู่อาศัย ตั้งแต่8ล้านบาทขึ้นไป  ได้วีซ่าอยู่ยาวตลอดชีพ แต่ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มี     โดยสรุป ภาคท่องเที่ยว เสนอ อีลิกการ์ด   ขยายวีซ่า รวม 270วัน   แม้เป็นคนละเส้นทางของ กลุ่มอสังหาฯ  ที่เสนอ วีซ่า ระยะยาว 10ปี ซื้ออสังหาฯไทย 10ล้านบาทขึ้นไป  ลักษณะขายขาด   แต่ถนน ทั้งสองเส้น นำมาซึ่งจุดหมายเดียวกันคือกระตุ้น  การจับจ่าย  โดยใช้ ต่างชาติเป็นเครื่องมือ ในการพลิกฟื้น !!!

หน้า8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับ 3621