นาย วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP มีการปรับลดลงร้อยละ 6.1 ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 22 ปี ภาพรวมดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยจากการจัดเก็บข้อมูลตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา
พบว่า ปี 2563 หน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศลดลงจากปี 2562 ร้อยละ -8.5 โดยมีจำนวน 358,496 หน่วย เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ยู่อาศัยแนวราบจำนวน 236,158 หน่วย ลดลงร้อยละ -10.0 จากปี 2562 และเป็นการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอาคารชุด 122,338 หน่วย ลดลงร้อยละ -5.5 จากปี 2562
ขณะที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2563 มีมูลค่า 928,376 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เพียงร้อยละ -0.3 โดยเป็นการลดลงของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดร้อยละ-4.7 ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2
ด้าน สถานการณ์หน่วยโอนกรรมสทธิ์อาคารชุดคนต่างด้าว (ต่างชาติ)ในปี 2563 มีจำนวน 8,258 หน่วย ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า -35.3% และมีสัดส่วนต่อภาพรวมทั้งหมด ลดลงเหลือเพียง 6.8% จากเดิมที่เคยมีสัดส่วนประมาณ 10.0%
ส่วนมูลค่าโอนกรรมสทธิ์อาคารชุดคนต่างด้าว (ต่างชาติ)ในปี 2563 มีมูลค่า 37,716 ล้านบาท มี YoY ลดลงถึง -25.5% และมีสัดส่วนลดลงเหลือ 12.1 % จากเดิมที่เคยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16.0%
"ย้อนหลัง 3 ปี ภูเขาน้ำแข็งการโอนฯของชาวต่างชาติ ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปี 2563 การโอนฯที่เกิดขึ้นคาดเป็นเพียงยอดขายเก่าก่อนหน้านี้ อีกนัยยะสัดส่วนต่อภาพรวมตลาดรวมเคยเป็นราว 10% ปัจจุบันหล่นมาที่ 6.8% เท่านั้น"
โดย 5 อันดับชาติแรก ที่มีการโอนฯสูงสุด ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนดังนี้
อันดับ 1 ชาวจีน 58%
อันดับ 2 ชาวรัสเซีย 5%
อันดับ 3 ชาวฝรั่งเศล 3%
อันดับ 4 ชาวสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) 3%
อันดับ 5 ญี่ปุ่น 2%
นายวิชัย กล่าวต่อว่า หลังจากสถาการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายในประเทศจีน การโอนกรรมสิทธิ์เริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น แต่น่าจะเป็นยอดการโอนกรรมสิทธิ์จากยอดขายเก่า ของคนต่างชาติ แต่ที่เกิดขึ้นใหม่ อาจจะไม่ทำให้ยอดโอนในกลุ่มนี้เพิ่มมากนัก และจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ยังทำให้ทิศทางที่ตลาดลูกค้าต่างชาติยังมีข้อจำกัดมาก อาจไม่สามารถหวังยอกขายจากลูกค้าต่างชาติมากนัก จึงอาจทำให้สรุปได้ว่า ตลาดอาคารชุดไทยคงหวังพึ่ง ลูกค้าต่างชาติยาก แม้จะมีมาตรการกระตุ้น ผ่านนโยบาย อิลีท การ์ด ซึ่งยังต้องติดตามผลตอบรับว่าจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง