นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำปี 2563 รายได้และกำไรสุทธิจำนวน 61,748.99 ล้านบาท และ 5,154.70 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 8.35% และ 16.54% ตามลำดับ ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีปัจจัยหลักมาจากการปิดสาขาในช่วงไตรมาสที่สอง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แม้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบด้านผลประกอบการของสาขาที่ปิดไปได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ลดลง ประกอบด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้ที่ประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 58,346.77 ล้านบาท ลดลง 4,699.46 ล้านบาท หรือ 7.45% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง ทั้งโฮมโปร เมกา โฮม และ โฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปิดสาขาชั่วคราวในประเทศไทยและมาเลเซีย รายได้ค่าเช่า จำนวน 1,527.16 ล้านบาท ลดลง 679.92 ล้านบาท หรือ 30.81% เป็นผลมาจากการปิดร้านค้าเช่าที่อยู่ในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ และการลดค่าเช่าในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ รวมถึงการยกเลิกการจัดกิจกรรม HomePro Expo ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563
โฮมโปรยังมีรายได้อื่นอีก 1,875.06 ล้านบาท ลดลง 245.35 ล้านบาท หรือ 11.57% ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 14,748.51 ล้านบาท ลดลง 1,472.80 ล้านบาท หรือ 9.08% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.73% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.28%
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 10,964.70 ล้านบาท ลดลง 980.16 ล้านบาท หรือ 8.21% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับลดลงเล็กน้อยจาก 18.95% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 18.79% สาเหตุหลักมาจากการยกเลิกการจัดกิจกรรม HomePro Expo รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายผันแปรและค่าใช้จ่ายคงที่
ในปี 2563 บริษัทฯ ได้เปิดสาขาใหม่ 2 สาขาที่ รังสิตคลอง 4 และสุขสวัสดิ์ ซึ่งทั้ง 2 สาขาอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และยังมีกำลังซื้อ โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ จำนวนสาขาคือ โฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 9 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 6 สาขา
นอกจากนี้ ยังได้มีการแสวงหาโอกาสต่างๆ ในธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท Home Product Center Vietnam Company Limited เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายคุณวุฒิ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากสถานการณ์ ไวรัสโคโรนา 2019 โฮมโปรได้ให้ความร่วมมือและดำเนินการสอดคล้องกับมาตรการและคำสั่งของหน่วยงานรัฐ โดยมีการปิดบางสาขาชั่วคราวในส่วนของโฮมโปรและเมกาโฮม ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 ถึง 16 พฤษภาคม 2563 และกลับมาเปิดครบทุกสาขาในวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ตามมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แต่ยังคงจำกัดเวลาทำการ
ในปีนี้บริษัทฯ เตรียมพร้อมและพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ต่อเนื่อง รวมไปถึงระบบขนส่งสินค้าและบริการภายในวันที่มีการสั่งซื้อ (Same Day Delivery) ยกระดับความรวดเร็วในการจัดส่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกรับสินค้าที่สาขา (Click and collect) ได้เช่นกัน บริษัทฯ ยังได้เปิดให้บริการ Shop4U ที่เสมือนมีผู้ช่วยในการเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงที่ลูกค้าไม่สามารถออกมาซื้อที่สาขาได้ โดยนอกเหนือจากเว็บไซต์ของบริษัทฯ ทางบริษัทฯได้มีช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านแอพพลิเคชั่น HomePro Application และ Home Service Application เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบริการที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบ้านและที่อยู่อาศัย