คอลลิเออร์ส เผย คอนโดฯ กทม. ปี 63 ท่วมจดทะเบียนสูงสุดในรอบ 30 ปี

13 มี.ค. 2564 | 03:57 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มี.ค. 2564 | 11:05 น.

คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เผย ปี 2563 คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯก่อสร้างแล้วเสร็จ - จดทะเบียนท่วมกว่า 57,000 หน่วย มากที่สุดในรอบ 30 ปี ผลพ่วงโหมเปิดใหม่คึกคัก ช่วง 2 ปีก่อนหน้า

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงปีพ.ศ. 2441 - 2563 ที่ผ่านมาพบว่า มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากถึง  678,262 ยูนิต  สำหรับในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมาพบว่า มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากถึง 122 โครงการ 57,220      ยูนิต 

ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดมากที่สุดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รองมาจากในปี พ.ศ. 2561 ที่มีคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดอยู่ที่ 55,325 ยูนิต ถือว่าปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 51 จากอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในปีพ.ศ. 2562 ทั้งหมด 37,885 หน่วย 

สำหรับในปีพ.ศ. 2564 แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกกว่า 45,000 ยูนิต โดยแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย มองว่าการเติบโตของอุปทานคอนโดมิเนียมที่สร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดที่สูงเป็นอย่างมากในปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมานั้นเกิดจากอุปทานเปิดขายใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ คึกคักเป็นอย่างมาก คือ ในปีพ.ศ. 2560 มีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่จำนวน 58,424 ยูนิต และ 66,021 ยูนิตในปีพ.ศ. 2561 ซึ่งแค่เพียงในช่วง 2 ปีดังกล่าวพบว่า มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 124,445 ยูนิต ส่งผลให้ในปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมจำนวนมากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดจากโครงการคอนโดมิเนียมเหล่านั้นที่เคยเปิดขายในช่วงก่อนหน้า

สำหรับอุปทานคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวนมากเหล่านี้ถือว่าเป็นอีก 1 ปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลให้กับผู้พัฒนาว่าหากเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเรียกลูกค้าเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์จะมียูนิตหลุดโอนมากน้อยเพียงใด และหากยูนิตเหล่านั้นมีการทิ้งโอนเป็นจำนวนมากในภาวะที่ตลาดชะลอตัวเช่นนี้ จะเป็นอีกปัญหาที่สำคัญที่ผู้พัฒนาจะต้องนำยูนิตเหล่านี้กลับมาขายใหม่ในตลาดอีกครั้ง 

หรืออย่างที่เราเห็นผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะนำยูนิตเหล่านี้กลับมาขายใหม่ด้วยการปรับลดราคาขายลงต่ำกว่าในช่วง Pre-sale ก่อนหน้าด้วยซ้ำ เพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มลูกให้เพิ่มมากขึ้น และกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์เพื่อการรับรู้รายได้และดึงเงินเข้าบริษัทให้มากที่สุด ซึ่งส่งผลให้เราจะยังคงเห็นสงครามราคาในตลาดคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องในปีพ.ศ.  2564 

ทั้งนี้ จากอุปทานสะสมคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่อยู่ที่ 678,262       ยูนิต พบว่า ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นนอกมากที่สุด ประมาณ  391,793 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 58 และในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในประมาณ 286,469 ยูนิต  หรือคิดเป็นร้อยละ 42 
 

สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในพบว่า อุปทานสะสมคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดตั้งอยู่ในพื้นที่รอบเมืองด้านทิศเหนือ( รัชดาฯ-พหลโยธิน) มากที่สุด 96,105 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 14 รองลงมาคือในพื้นที่เมืองชั้นใน ( สีลม สาทร สุขุมวิทตอนต้น ) ประมาณ 60,368 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 9 และในพื้นที่รอบเมืองด้านทิศตะวันออก (สุขุมวิท) อีกประมาณ 37,476 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 6 สำหรับในปีพ.ศ. 2564 

แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าผู้พัฒนาส่วนใหญ่จะยังคงเลือกที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกมากขึ้น หรือในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเฉพาะช่วงรามคำแหง – ลำสาลี  รถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยเฉพาะบริเวณถนนลาดพร้าวและศรีนครินทร์ และรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยเฉพาะถนนรามอินทรา และแจ้งวัฒนะ จะเป็นพื้นที่ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมคึกคักขึ้นในปีพ.ศ. 2564

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

บิ๊กแสนสิริ เขย่า "ตลาดคอนโดฯ" แรง ผุดทวีต ลงชื่อ รับส่วนลดหนัก

ซื้อบ้าน - ที่ดิน BAM จับมือ Shopee ผุด 'แคมเปญ 3.3'

อสังหาฯปี 63 ร่วงแรง รายได้หด กำไรหาย 

'เสนา' สร้างนิวไฮกำไร ลุยเปิดใหม่ 17 โครงการ