วันที่ 29 มิ.ย. 64 ที่ประชุมครม. เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในระยะเร่งด่วน ช่วยเหลือ ลูกจ้าง-นายจ้าง ทั้งในและนอกระบบประกันสังคม ในพื้นที่พื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 6 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ที่ได้รับผลกระทบตามข้อกําหนดศบค. ฉบับที่ 25 ดังนี้
ประเภทกิจการที่ให้ความช่วยเหลือ ได้แก่
ระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ
กลุ่มแรงงานที่เป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 สัญชาติไทย
ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าการดําเนินการตามมาตรการให้ความ ช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน จะมีกรอบวงเงินรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท
มาตรการอื่น ๆ
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 และการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนที่มี กําลังซื้อ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร และปริมาณเงิน หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้เป็นไปต่อเนื่อง
จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลัง ดําเนินโครงการที่ได้รับ อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วตามแผนงานเดิมที่กําหนดไว้ในช่วงเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2564 ได้แก่ โครงการเพิ่มกําลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และ โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้”
นอกจากนี้ เพื่อลดผลกระทบแก่กลุ่มแรงงานที่จําเป็นต้องปฏิบัติ ตามข้อบังคับในการให้หยุดงาน และห้ามเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราวในระยะเวลา 30 วัน รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน จะประสานขอความร่วมมือให้สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประสานกับสมาคมภัตตาคารไทยและร้านอาหารในการขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการให้ใช้บริการอาหารจากภัตตาคาร ร้านอาหาร และร้านอาหารรายย่อย แม่ค้า พ่อค้า เพื่อดูแลกลุ่มแรงงานในสถานที่พักอาศัยชั่วคราวสําหรับคนงานทั้งภายในและภายนอกสถานที่ก่อสร้าง
มาตรการให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไป
: การพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศ เพื่อให้ภาครัฐมีข้อมูล ประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในลักษณะมุ่งเป้าได้ เห็นควรมอบหมายให้ กระทรวงแรงงาน เร่งดําเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างดําเนินการลงทะเบียนในระบบ ประกันสังคม
พร้อมทั้งมอบหมายให้สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประสาน กับกระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณากําหนดรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด19 ตามความเหมาะสมต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :