องค์การอนามัยโลก WHO ชมเชยประเทศไทย รับมือโรคโควิด-19ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเชิญชวนให้ประเทศต่างๆ ทำตามแบบอย่างความสำเร็จของประเทศไทย
ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Dr. Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO – World Health Organization) ทวิตข้อความชื่นชมประเทศไทย ที่สามารถรับมือโรคโควิด-19ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเชิญชวนให้ประเทศต่างๆ ทำตามแบบอย่างความสำเร็จของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ประกาศสนับสนุนองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ในการดำเนินการอย่างครอบคลุม ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับสังคมที่ทำงานร่วมกันทั้งหมด ซึ่งนี่ทำให้สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ แม้ว่าจะไม่มีวัคซีนเลยก็ตาม
“ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยพิสูจน์ให้เห็นว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่พบผู้ติดเชื้อโควิดนอกประเทศจีน แต่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 4,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพียง 60 ราย โดยที่มีประชากร 70 ล้านคน และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรในชุมชนเมืองหนาแน่นมากที่สุดในโลกอีกด้วย”
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยทุ่มเทให้กับการลงทุนสำหรับโครงสร้างขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข ทั้งยังนำกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations) มาปรับใช้อีกด้วย”
“ประเทศไทยมีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา คอยดูแลสอดส่องระบบสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมาก ในการรับมือกับโรคโควิด โดยที่ประเทศไทยเคยได้รับบทเรียนที่ผ่านมาจากในอดีต รวมไปถึงประสบการณ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส (SARS - Severe Acute Respiratory Syndrome) เมื่อปี 2003”
“แต่ในปัจจุบันเอง ประเทศไทยก็กำลังเรียนรู้ในการทำงาน กับสำนักงานองค์การอนามัยโลกในประเทศไทย เพื่อหาวิธีเสริมสร้างระบบป้องกันด้านสาธารณสุข
ดังนั้นผมจึงขอเรียกร้องให้ทุกประเทศ ทำตามแบบอย่างของประเทศไทย เพราะไม่มีประเทศไหนที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า เตรียมพร้อมรับมือโรคโควิดมาอย่างดีหรือเคยมีบทเรียนมาก่อน”
ประเทศไทยคือสุดยอดตัวอย่างที่ประสบผล เมื่อทุกคนร่วมใจกัน
ตัวเลขผู้ป่วยของไทย อธิบายทุกความหมายของคำว่า “สำเร็จ”
ไทยคือชาติแรกนอกประเทศจีนที่ติดโควิด
ประเทศมีคน 70 ล้าน มีเมืองที่แออัดมากสุดแห่งหนึ่งในโลก
แต่มีผู้ป่วย 4 พัน เสียชีวิต 60 คน
เทียบกับอังกฤษ คน 68 ล้าน ป่วย 1.3 ล้าน เสียชีวิตมากกว่า 5.1 หมื่น
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ (this is not an accident)