อังกฤษล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หวังพิชิตไวรัสใน 12 สัปดาห์

มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) เป็นหนึ่งในมาตรการขั้นสูงสุดที่หลายประเทศนำมาใช้ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังเข้าขั้นรุนแรง เป้าหมายก็เพื่อควบคุมและยับยั้งไม่ให้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสขยายออกไปในวงกว้างตามการเดินทาง สังสรรค์ หรือทำกิจกรรมชุมนุมของผู้คน ด้วยเหตุนี้ มาตรการล็อกดาวน์จึงมักจะหมายรวมถึงการขอความร่วมมือหรือห้าม (ความเข้มข้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์) ไม่ให้ประชาชนออกจากที่พักโดยไม่จำเป็น ให้กักตัวอยู่กับบ้าน สกัดกั้นการเข้า-ออกในเมืองหรือการเข้า-ออกประเทศ รวมถึงการขอให้สถานประกอบการที่โดยปกติจะมีคนจำนวนมากไปชุมนุมกัน เช่น โรงภาพยนตร์ สถานจัดงานคอนเสิร์ต สถานออกกำลังกาย ร้านอาหารภัตตาคาร ผับ บาร์ ร้านกาแฟ ปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว โดยมีระยะเวลามากหรือน้อยแล้วแต่จะกำหนดขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละประเทศ และสถานการณ์ในขณะนั้น

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 มี.ค.) นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ จากที่เคยคิดกันว่าจะปิดเมืองแค่ในเขตมหานครลอนดอน แต่สุดท้ายมาตรการดังกล่าวก็ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งในสิ่งที่เรียกว่าเป็น “ยาแรง” เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศใช้หลากหลายมาตรการรวมๆ กันเพื่อสกัดปัญหาทั้งทางด้านสาธารณสุขและประคับประคองเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรการควบคู่กันไปในเวลาเดียวกัน

รัฐบาลอังกฤษประกาศปิดร้านอาหาร ผับ บาร์ ร้านคาเฟ่ เป็นการชั่วคราว ผ่อนผันให้บริการได้เฉพาะรูปแบบสั่งออกไปรับประทานนอกร้าน (takeout) และส่งอาหารนอกสถานที่
(delivery) เท่านั้น นอกจากนี้ ยังปิดสถานบันเทิง โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย รวมทั้งสถานศึกษาทั้งในอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ เป้าหมายก็เพื่อให้ประชาชนเก็บตัว แยกห่างจากกัน เพื่อลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อระหว่างกัน ทั้งนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อในอังกฤษขยับเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5,000 คน และยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ขยับขึ้นเป็น 233 คน

อัดยาแรงพร้อมเงินช่วยเหลือเยียวยา

ผู้นำอังกฤษระบุว่า มาตรการที่เพิ่งประกาศใช้นี้ หลายมาตรการไม่เคยมีการนำมาใช้มาก่อนในอดีต รัฐบาลจะพิจารณาทบทวนแต่ละมาตรการทุกๆ รอบ 1 เดือน ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอังกฤษให้ความหวังในเชิงบวก และทำให้ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษขยับแข็งขึ้น 1.5%

พร้อมๆ กับมาตรการยาแรงซึ่งเป็นในเชิงป้องกัน กระทรวงการคลังของอังกฤษได้ประกาศมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่ โดยนายริชี ซูแน็ค รัฐมนตรีคลังอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าจ้าง 80% ให้กับลูกจ้างที่ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐ นำมาใช้ ซึ่งบางคนอาจได้รับเงินส่วนนี้ถึง 2,500 ปอนด์ต่อเดือน (ราว 96,450 บาท) นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังจัดเตรียมวงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการ 330,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12.7 ล้านล้านบาท) สำหรับเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยตํ่า เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย หรือเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า แก่ธุรกิจเอกชนที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย 

ผู้นำอังกฤษระบุว่า หากมาตรการเหล่านี้ประสบผลตามเป้าหมาย อังกฤษก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ภายใน 12 สัปดาห์นับจากนี้ ปัจจุบัน อังกฤษเป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากเป็นอันดับ 6 รองจากอิตาลี สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ ตามลำดับ

หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,560 วันที่ 26 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2563