อินโดนีเซียดันเปิดท่องเที่ยว“บาหลี”ท้าชน“ภูเก็ต”ก.ค.นี้

02 มิ.ย. 2564 | 03:20 น.

อินโดนีเซีย เตรียมเปิดท่องเที่ยว ‘บาหลี’ ปลายกรกฏาคม64 ภายใต้แผนจับคู่เดินทาง 3B Travel Bubble ดึงทัวริสต์ต่างชาติ โดยเป็นเวลาชนกันกับแผนการนำร่องเปิดภูเก็ต หรือ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ของไทย

เป็นที่ทราบกันดีว่า “บาหลี” ของประเทศอินโดนีเซีย จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเป็นคู่แข่งของ “ภูเก็ต”ของประเทศไทย ซึ่งในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของทั้ง 2 ประเทศอีกหลัง ก็ยังวางไทม์ไลน์ชนกันว่าจะเปิดในเดือนกรกฏาคมนี้อีกด้วย

โดยในส่วนของไทย นำร่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เข้าภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัว หรือ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฏาคมนี้ ที่กำลังอยู่ระหว่างการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรในพื้นที่ครบ 70%

อินโดนีเซียดันเปิดท่องเที่ยว“บาหลี”ท้าชน“ภูเก็ต”ก.ค.นี้

อินโดนีเซียดันเปิดท่องเที่ยว“บาหลี”ท้าชน“ภูเก็ต”ก.ค.นี้

ขณะที่อินโดนีเซีย ก็มีแผนจะจับคู่เดินทาง 3B Travel Bubble ได้แก่ 3 เกาะสำคัญนำร่อง บาหลี (Bali) บาตัม (Batam) บินตัน (Bintan) กับ 6 ประเทศที่ควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้แก่ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีนสิงคโปร์ ยูเครน และโปแลนด์ ที่คาดว่าจะเริ่มภายในปลายเดือนกรกฏาคมนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยวบาหลีจะมีการกักตัวอยู่ที่ 5 วัน

ภายใต้เงื่อนไขแผนการเร่งฉีดวัคซีนเสร็จ 70% ให้คนบาหลี 3 ล้านคน ภายในเดือนกรกฏาคมนี้ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นภายใน ก.ค.64 และจะกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา อินโดนีเซียเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ประชากรไปแล้วทั้งสิ้น 11,981,034 คน เฉลี่ยวันละ 135,000 คน โดย 7,178,768 คนได้รับโดสที่สองเรียบร้อยแล้ว ในกรุงจาการ์ต้า 1,822,711 คนได้รับโดสแรกในขณะที่ 1,104,607 ได้รับโดสที่สองเรียบร้อยแล้ว ส่วนบาหลีได้รับวัคซีนไปกว่า 700,000 คนแล้ว

นอกจากนี้อินโดนีเซีย ยังจะให้ข้าราชการเดินทางไปทำงานที่เกาะบาหลี ตามโครงการ Work From Bali โดยสำนักข่าว Bloomberg รายงานอ้างแถลงการณ์ของกระทรวงประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย เมื่อ 29 พ.ค.64 ว่า ทางการอินโดนีเซียมีแผนจะให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมโครงการ Work From Bali โดยจะเริ่มนำร่องที่เมืองนูซาดูอา และคาดหวังว่าการเดินทางเข้ามาของข้าราชการและ พนักงานรัฐวิสาหกิจจะช่วยทำให้เศรษฐกิจบาหลีเริ่มฟื้นตัวขึ้น

นายซานเดียก้า อูโน่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย กล่าวว่า แผนดังกล่าวได้ถูกเสนอให้กับคณะรัฐมนตรี หลังเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา และสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับที่น่าพอใจ

โดยเฉพาะ ‘บาหลี’ ที่ปัจจุบันมีประชากรได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 700,000 ราย โดยเรากำลังเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรอีกราว 3 ล้านคน หรือ 70% ของจำนวนประชากรบนเกาะบาหลีทั้งหมด 4.4 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ภายในเดือนที่เหลือ ก่อนการเปิดเกาะอีกครั้ง

นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวใน 3 เกาะสำคัญนำร่อง บาหลี (Bali) บาตัม (Batam) บินตัน (Bintan) ต้องมีเอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งก่อนและหลังการเดินทาง รวมถึงการกำหนดให้นักท่องเที่ยวใช้แอปพลิเคชั่น Telusur ติดตามตัวและเพื่อตรวจสอบหาเชื้อเพิ่มเติมหากจำเป็น นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฎิบัติตามมาตรการด้านสุขภาพอย่างเข้มงวด

อินโดนีเซียดันเปิดท่องเที่ยว“บาหลี”ท้าชน“ภูเก็ต”ก.ค.นี้

ในเบื้องต้นรัฐบาลได้จัดสรรพื้นที่ กรีนโซน (Green Zones) 5 เขตนำร่องสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะแรก ได้แก่ เขตอูบุด (Ubud), ซานูร์ (Sanur) และ นูซา ดัว (Nusa Dua) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเกาะบาหลี และเขตบาตัม (Batam) บินตัน (Bintan) ของเกาะรีเยาซึ่งถือเป็นสามเหลี่ยมทองคำเชื่อมระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยแต่ละเกาะจะรับเที่ยวบินไม่เกิน 2 เที่ยวต่อวันในช่วงแรกของโครงการนำร่องและให้สิทธิถือวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวไม่เกิน 60 วัน

ทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซียจะประเมินผลทุกสองสัปดาห์ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเปิดพื้นที่บนเกาะบาหลี เพื่อรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมหรือไม่ในอนาคต ขณะเดียวกันหน่วยงานปกครองท้องถิ่นของบาหลีกำลังเตรียมรายชื่อโรงแรมสำหรับกักตัวโดยนักท่องเที่ยวต้องกักตัว 5 วัน และต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ (PCR Test) 2 ครั้งโดยดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตนเอง

ณัฐินีฐิติ ภิญญาปิญชาน์ ผู้แทนภาคพื้นการท่องเที่ยวอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและอินโดจีน เผยว่า ล่าสุด บาหลี ครองแชมป์เป็นอันดับ 1 ของแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกค้นหามากที่สุดและอยากไปเยือนมากที่สุดในช่วงเดือน มิ.ย.- ต.ค.2564 จากการสำรวจโดยบริษัท OTA ชื่อดังอย่าง Skyscanner เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทางอินโดนีเซียสร้างความมั่นใจเตรียมรับ New Normal ท่องเที่ยวปกติรูปแบบใหม่ชูมาตราการซีเอชเอส ความสะอาด สุขภาพอนามัยและความปลอดภัย (CHS Protocol: Cleanliness, Health, and Safety) ระดับสากล นำร่องที่แรกบาหลีและบาตัม บินตัน

รวมถึงเมืองสำคัญอื่นๆ อาทิ จาร์กาตาร์ ยอร์กยาการ์ตาร์ และบันยูวังงี โดยขณะนี้ 8 ประเภทธุรกิจเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรมและที่พัก, ภัตตาคาร/ร้านอาหาร, สถานที่ท่องเที่ยว, ยานพาหนะ, สนามบิน, ห้างสรรพสินค้า, สนามกอล์ฟ, และร้านค้าของที่ระลึก ได้เข้าสู่มาตรการ CHS เต็มรูปแบบทั้งหมดแล้ว

สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานว่า เกาะบาหลีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 700,000 คนต่อเดือนก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนอินโดนีเซียลดลงราวร้อยละ 80-90% เมื่อปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ดังกล่าว

“รัฐบาลอินโดนีเซียคาดว่าภายในต้นปี 2565 ประชากรสองในสามของประเทศหรือประมาณ 181.5 ล้านคน จะได้รับวัคซีนครบอย่างแน่นอน”

อินโดนีเซียได้วางแผนโครงการฉีดวัคซีนดังกล่าวเป็น 2 ระยะ ระยะแรก ระหว่าง ม.ค. – เม.ย.2564 ซึ่งครอบคลุมกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ประมาณ 1.6 ล้านคน กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและบุคลากรบริการสาธารณะ (รวมท่องเที่ยว) ประมาณ 17.4 ล้านคน และกลุ่มผู้สูงอายุประมาณ 25 ล้านคน ส่วนระยะที่ 2 ระหว่าง เม.ย. 2564 – มี.ค.2565  เน้นฉีดกลุ่มบุคคลที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงสูงของการแพร่เชื้อประมาณ 63.9 ล้านคน และประชาชนกลุ่มอื่นๆ ประมาณ 77.4 ล้านคน โดยคาดว่าราวเดือน พ.ค. 2564 นี้จะมีประชาชนราว 38.5 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบ

ทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซียยืนยันแล้วว่าเมื่อเดือน เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา กลุ่มบุคลากรด้านบริการการท่องเที่ยวใน 10 พื้นที่ท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศได้รับการจัดลำดับฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมารัฐบาลอินโดนีเซียทุ่มงบประมาณจำนวน 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จากบริษัทผู้ผลิตหลายรายรวม 329.5 ล้านโดส อาทิ

- จากซิโนวัค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) จำนวน 125.5 ล้านโดส

- โนวาแวกซ์ (Novavax) จำนวน 50 ล้านโดส

- โคแวกซ์-กาวี (COVAX-GAVI) จำนวน 54 ล้านโดส

- แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) จำนวน 50 ล้านโดส

- ไฟเซอร์ (Pfizer) อีก 50 ล้านโดส

นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังเจรจาซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจาก โมเดอร์นา (Moderna) และซิโนฟาร์ม จำนวน 20 ล้านโดส  สำหรับโครงการฉีดวัคซีนในภาคเอกชนเพื่อเป็นทางเลือกและช่วยเหลือภาครัฐต่อสู้กับวิกฤติในครั้งนี้ โดยโครงการนี้กำลังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการสนับสนุนจัดฉีดให้กับพนักงานขององค์กรหลายๆ แห่ง

ข่าวเกี่ยวข้อง: