นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทาง (ขร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมการจัดลำดับความสำคัญโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ว่า ปัจจุบันทางกระทรวงคมนาคมเร่งรัดให้ขับเคลื่อนระบบขนส่งทางรางสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการเดินรถทั้งโดยสารและขนส่งสินค้า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ ขร.เป็นผู้รวบรวมข้อมูลศึกษาโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 ภายในระยะเวลา 3 เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) เพื่อจัดลำดับความสำคัญทั้ง 7 โครงการ ให้รอบคอบ รวมทั้งทบทวนอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) และอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) เนื่องจากในปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงมาก ซึ่งต้องลงทุนโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นก่อนอันดับแรก ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความคิดเห็นให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท.จัดลำดับความสำคัญและขับเคลื่อนโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 ทั้ง 7 โครงการ จำนวน 7 เส้นทาง วงเงินรวมกว่า 2.71 แสนล้าน ประกอบไปด้วย 1.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร วงเงิน 62,859.74 ล้านบาท 2.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 56,837.78 ล้านบาท 3.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 25,842 ล้านบาท 4.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตรวงเงิน 37,527.10 ล้านบาท 5.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 24,294.36 ล้านบาท 6.ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 57,375.43 ล้านบาท 7.ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 6,661.37 ล้านบาท ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2.7 แสนล้านบาท
“หากดำเนินการศึกษาโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 ทั้ง 7 โครงการแล้วเสร็จจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมเห็นชอบ และเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลังจากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป”
สำหรับเกณฑ์การพิจารณาจัดลำดับความสำคัญโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 ดังนี้ 1.มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ชาติในด้านการขนส่งสินค้าเป็นหลักและมีความสามารถเปลี่ยนเส้นทางเดินรถจากระบบขนส่งทางถนนสู่ระบบขนส่งทางราง 2.จำนวนผู้โดยสาร 3.ความพร้อมของโครงการที่เร่งรัดในการขับเคลื่อน 4.ความสามารถในการดำเนินงานขับเคลื่อนในอนาคตที่มีจุดเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน
นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมมีความเห็นว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันมีเพดานหนี้สาธารณะที่สูง ทำให้ต้องเร่งรัดในโครงการที่มีความจำในระยะแรก สำหรับโครงการในระยะแรกที่เร่งรัดขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน คือ โครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เป็นโครงการที่มีความพร้อมสูงสุด เนื่องจากมีรายละเอียดและรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมผ่านคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติผ่านการพิจารณาแล้ว รวมทั้งมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 19% ทั้งนี้คาดการณ์ปริมาณสินค้าที่สามารถขนส่งสินค้าอยู่ที่ 12 ล้านตันต่อปี ถึงปี 2580 หลังจากที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟจีน-ลาว ที่จะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค. 2564 คาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบได้ภายในปีนี้ ทำให้โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 อีก 6 โครงการต้องชะลอออกไปก่อน