นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด(มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า กลุ่มมิลล์คอน สตีล ซึ่งดำเนินอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจของ บริษัท ซันเทค เมทัลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ให้สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มที่เน้นบริหารจัดการคุณค่าของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและสร้างมูลค่าให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจบริหารเศษเหล็กให้เป็นแบบครบวงจร
สำหรับเทคโนโลยีของเครื่องจักรที่ ซันเทคฯ นำมาใช้บริหารจัดการเศษเหล็กนั้น สามารถบดย่อยเศษเหล็กให้มีขนาดเล็กลง ซากรถยนต์เก่าคือหนึ่งในซากชิ้นส่วนที่ ซันเทคฯ รับกำจัดแบบครบวงจรด้วยการแยกชิ้นส่วน ซึ่งประกอบด้วยโลหะกลุ่มเหล็กที่จะถูกบดย่อยให้มีขนาดเล็กลงก่อนส่งเข้าสู่กระบวนการหลอม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นการประหยัดพลังงานในการหลอม (Recycle Process) เหล็กที่ได้จะถูกปรุงแต่งให้มีความบริสุทธิ์ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ชิ้นส่วนอื่นที่ไม่ใช่เหล็ก เช่น พลาสติก วัสดุยาง ที่ถูกคัดแยกสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถลดขยะที่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมตามหลัก Zero waste ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีรถยนต์เก่าอายุเกิน 15 ปี มากกว่า 4 ล้านคัน โดยส่วนใหญ่ถูกจำหน่ายเป็นรถยนต์มือ 2 ปัญหาหลักจากการใช้รถยนต์มือ 2 คือ การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ การกำจัดซากรถยนต์มือ 2 ส่วนใหญ่ใช้วิธีการชำแหละแยกชิ้นส่วนเพื่อจำหน่าย ซึ่งไม่สามารถนำเศษเหล็กกลับมาใช้งานได้อย่างเต็มที่
ชิ้นส่วนบางอย่างไม่ได้รับการกำจัดแบบถูกวิธี และจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่หากมีกระบวนบริหารจัดการเศษเหล็กที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถนำซากรถยนต์เก่ากลับมารีไซเคิลเพื่อใช้ประโยชน์ใหม่ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจแล้วยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม
“การบริหารเศษเหล็กแบบครบวงจร ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน การรีไซเคิลเศษเหล็กด้วยการนำมาหลอมให้บริสุทธิ์ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ในกระบวนการผลิตก็ลดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุดทั้งกระบวนการ ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่เหล็กแยกออกมาเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานได้”