ดร.เสาวรัจ รัตนคำฟู นักวิชาการ ด้านนโยบายนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ จ.สงขลา ควรดำเนินการต่อหรือไม่ ต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าผลการศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลส่วนได้ ส่วนเสีย ที่เป็นประจักษ์แก่สาธารณชนเป็นอย่างไรว่ามีส่วนได้มากกว่าส่วนเสียเพียงพอหรือไม่ เพราะการเดินหน้าโครงการดังกล่าวยังไม่มีคำตอบชัดเจน และไม่ได้มีหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจน เช่น ผลประโยชน์ของโครงการต่อการจ้างงานทั้งหมดเป็นอย่างไร ข้อมูลของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ระบุว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมรายใหญ่ประมาณ 50 ราย จะทำให้เกิดการจ้างงานโดยตรงประมาณ 25,000 ตำแหน่ง แต่การประเมินผลกระทบที่แท้จริงต้องคำนึงทั้งผล กระทบทางบวกและทางลบที่อาจเกิดขึ้นด้วย ดังนั้นโครงการจะทำให้เกิดตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น และลดลงกี่ตำแหน่ง และ การลงทุนของโครงการจะช่วยต่อยอดและเพิ่มมูลค่าให้แก่เศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างไร
“ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 โรงไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้าทางเลือก และนิคมอุตสาหกรรมจะนะ มีการเชื่อมโยงและช่วยยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างไร เพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐและประชาชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบทางลบจากโครงการดังกล่าว คณะรัฐมนตรีควรพิจารณาทบทวนมติ เห็นชอบ การเดินหน้าโครงการ โดยให้ศึกษาประเมินผลกระทบโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่มีความสมบูรณ์และรอบด้านมากขึ้น”
อย่าไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่ต้องมีการศึกษาผลกระทบโครงการทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ก่อนเดินหน้าโครงการต่อไป เนื่องจาก ประการแรก เพื่อประเมินทั้งผลกระทบที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ที่จะเกิดขึ้นของโครงการประการที่สอง ปรับปรุงความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ เพื่อให้โครงการเกิดความยั่งยืน และป้องกันการใช้ประโยชน์ในทางมิชอบของกลุ่มผลประโยชน์ ประการที่สาม เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง เพื่อรับรู้ข้อควรพิจารณาที่หลากหลายและครบถ้วน และเพื่อให้โครงการมีความชอบธรรม และสุดท้าย เพื่อระบุให้ชัดเจนว่า โครงการดังกล่าวจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างไร และมีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนในแต่ละช่วงเวลา
ดังนั้นการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ. จะนะ จ. สงขลา ควรได้ไปต่อหรือไม่ การตัดสินใจเชิงนโยบายดังกล่าว ควรขึ้นอยู่กับเหตุผลเชิงประจักษ์และข้อมูลจากการศึกษาผลกระทบโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง เนื่องจาก การพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นประเด็นที่ซับซ้อนและต้องมีความเข้าใจบริบทเชิงพื้นที่อย่างถูกต้องและรอบด้าน ซึ่งประชาชนในท้องถิ่นจะรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับความต้องการและทิศทางในการพัฒนาเพื่อเพิ่มผลิตภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขันของท้องถิ่น
นอกจากนี้ ภาครัฐควรแสดงความจริงใจและสร้างความโปร่งใสของโครงการ โดยกำหนดให้มีตัวแทนจากทั้งฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายต่อต้าน และภาควิชาการ เข้ามาเป็นคณะทำงานศึกษาผลกระทบโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านและเป็นกลางให้มากที่สุด
ทั้งนี้โครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่ เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการขยายผลโครงการเมื่อปี2562 เพื่อผลักดันให้เป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต