สั่ง“ดนัย-พีระพันธุ์-ประภาศ”ลุยสอบ“ประมูลรถไฟทางคู่”ฉาว 1.28 แสนล้าน

02 ก.ค. 2564 | 09:58 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2564 | 17:26 น.

“พล.อ.ประยุทธ์”เอาจริง ตั้ง 7 อรหันต์ นำ “ดนัย-พีระพันธุ์-ประภาศ-ชยธรรม์” เป็นคณะกรรมการสอบสวน “ประมูลรถไฟทางคู่” มูลค่า 128,376 ล้านบาทอันฉาวโฉ่ จนถูกร้องเรียนว่าล็อคผู้รับเหมา ล็อคราคาประมูล ให้โพยสร้างเลขวิ่งห่างจากราคากลาง “13-16-31” และ “23” 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ภายหลังจากมีข้อร้องเรียนจำนวนมากว่า การ “ประมูลรถไฟทางคู่” 5 สัญญา ใน 2 เส้นทาง 

 

1.โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 3 สัญญา  

 

2.โครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม 2 สัญญา มูลค่ารวม 128,376.79 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 

 

มีเงื่อนงำในการประมูลทั้งเรื่องการฮั้วประมูล การเสนอราคาแข่งขันที่ต่ำจากราคากลางเพียง 0.08% เท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ และสั่งให้ชะลอการประกาศผลการประมูลออกไปก่อนแล้ว

 

คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 2  โครงการ วงเงิน 128,376 แสนล้านบาท ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นมาสอบสวนในเรื่องนี้ ประกอบด้วย 

 

1.นายดนัย มู่สา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษปนะจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน 

 

2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  

 

3.นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง 

 

4.นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม 

 

5.ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ 

 

6.ผู้แทนวิศกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ 

 

7. ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.30 น. คณะกรรมการสอบสวนการ “ประมูลรถไฟทางคู่” 128,376 แสนล้านบาท ได้มีหนังสือลงเลข “ลับ” เพื่อเรียกตัวผู้ที่ร้องเรียนและผู้เกี่ยวข้อง 3 คน คือ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มาให้ข้อมูลหลักฐานการประมูลในโครงการนี้

 

แหล่งข่าวจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประมูลโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 สาย คือ โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 3 สัญญา และ โครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม  2 สัญญา มูลค่ารวม 128,376.79 ล้านบาท เป็นการประมูลด้วยระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ก็จริง 

 

แต่โครงการนี้มีหลายอย่างที่ต้องสืบค้น เพื่อนำมาประมวลผลในการดูแลประโยชน์ของงบประมาณ เนื่องจากมีผู้ซื้อซองมีจำนวนมาก แต่ผู้ยื่นซองประมูลจริงน้อยราย และมีเรื่องที่เหมือนกันโดยบังเอิญในแต่ละสัญญาด้วย

 

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้รับเหมารายใหญ่ที่ชนะการประมูลในแต่ละสัญญา เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางในเชิงตัวเลขแบบพลิกไปพลิกมา เหมือนการซื้อหวยเลขวิ่ง และ มีการสลับเลขในการเสนอราคาให้ต่ำกว่าราคากลาง เพียงแค่  16.31 กับ 31.16 ล้านบาท หรือ เสนอต่ำกว่าราคากลางแค่ 23 ล้านบาท แต่แตกต่างกันที่หลักทศนิยม ซึ่งตรงนี้คือ ข้อสันนิษฐานของการประมูลที่ผู้ร้องเรียนหลายรายได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้อย่างไร

    ประมูลรถไฟทางคู่

     ประมูลรถไฟทางคู่

 

ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขการประมูล หากไม่มีการสั่งชะลอการประกาศผลการประมูลจากนายกรัฐมนตรีนั้น ในเดือนกรกฎาคมนี้ กรมบัญชีกลางจะต้องประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลเพื่อเดินหน้าไปสู่การทำสัญญาโครงการ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติด้านเทคนิค และ ข้อเสนอราคาแล้ว

 

สำหรับการประมูลโครงการรถไฟทางคู่สายเหนืออันฉาวโฉ่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มูลค่าโครงการ 72,919.25 ล้านบาท โดยมีการแยกเป็น 3 สัญญา  

 

สัญญาที่ 1 รถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-งาว ราคากลาง 26,599.16 ล้านบาท กลุ่มกิจการร่วมค้า ITD-NWR (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR)) เสนอราคาต่ำสุด 26,568 ล้านบาท ต่ำจากราคากลาง 31.16 ล้านบาท คิดเป็น 0.117%

 

สัญญาที่ 2 รถไฟทางคู่ช่วงงาว-เชียงราย ราคากลาง 26,931.78 ล้านบาท กิจการร่วมค้า CKST JOINT VENTURE (บริษัท ช.การช่าง (CK) และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)) เสนอราคาต่ำสุด 26,900 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 13.78 ล้านบาท คิดเป็น 0.051%

 

สัญญาที่ 3 รถไฟทางคู่ช่วงเชียงราย-เชียงของ ราคากลาง 19,406.31 ล้านบาท กิจการร่วมค้า CKST JOINT VENTURE (บริษัท  ช.การช่าง (CK) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)) เสนอราคาต่ำสุด 19,390 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 16.31 ล้านบาท คิดเป็น 0.084%

 

ขณะที่ โครงการรถไฟทางคู่สายอีสาน บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม มูลค่าโครงการ 55,457.55 ล้านบาท แยกการประมูลออกเป็น 2 สัญญา
สัญญาที่ 1 รถไฟทางคู่ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ราคากลาง 27,123.62 ล้านบาท กลุ่มกิจการร่วมค้าที่มี บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด เป็นแกนนำ เสนอราคาต่ำสุด 27,100 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 23.62 ล้านบาท  คิดเป็น 0.087%

 

สัญญาที่ 2 รถไฟทางคู่ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ ราคากลาง 28,333.93 ล้านบาท กลุ่มกิจการร่วมค้าที่มี ที่มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) เป็นแกนนำ เสนอราคาต่ำสุด 28,310 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 23.93 ล้านบาท คิดเป็น 0.084%


เท่ากับว่าการประมูลรถไฟทางคู่ 2 สาย 5 สัญญา มูลค่า 128,376.79 ล้านบาท ผู้รับเหมาเอกชนเสนอราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเพียง 108.8 ล้านบาท คิดเป็น 0.0847% เท่านั้น ขณะที่การประมูลแต่ละสัญญา ต่ำกว่าราคากลาง 0.05-0.12%
                                  ประมูลรถไฟทางคู่

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีการร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสในการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 72,921 ล้านบาท นั้น กระทรวงคมนาคมต้องรับฟัง และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่ายังไม่พบการทุจริตใดๆ
 

“การประมูล e-bidding เป็นการเสนอราคาที่ต่างคนต่างยื่น ไม่รู้ว่ามีใครเข้าร่วมประมูลบ้าง เสนอราคาเท่าใด การมาร้องเรียนให้กระทรวงคมนาคมสั่งการให้ล้มประมูลนั้น จะเป็นการเสียโอกาสสำหรับประเทศมาก หากผู้ร้องเป็นบริษัทผู้รับเหมา ก็ควรมาลงแข่งขันเสนอราคา ไม่ใช่มาร้องแบบนี้” นายศักดิ์สยาม กล่าว

 

นายศักดิ์สยาม ยังชี้แจงว่า ประเด็นที่ราคาเสนอมาใกล้เคียงกันนั้น ถ้ามีคนสงสัยต้องไปดูในส่วนของผู้รับจ้างว่า ทำไมจึงเสนอราคาใกล้เคียงกัน เป็นเรื่องที่สามารถสอบถามกันได้อยู่แล้ว การรถไฟฯ ทำตามระเบียบ 

 

ส่วนจะมีการตรวจสอบอะไร ก็สามารถตรวจสอบได้ ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรที่จะทำให้โครงการนี้มีปัญหา จนไม่สามารถดำเนินการได้ 

                 ประมูลรถไฟทางคู่


รายงานพิเศษ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 2 ก.ค.2564