นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนายคริสเตียน เรเรน บาร์เกตโต(Mr. Christian Rehren Bargetto) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะและอำลาตำแหน่งว่า ประเทศชิลีถือว่าเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับ 4 ของไทยในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา รองจากเม็กซิโก บราซิลและอาร์เจนตินา การค้าระหว่างกัน 5 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่า 476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ14,453 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น 30.6% โดยไทยส่งออกไปยังชิลี 7,793 ล้านบาทและนำเข้า 6,660 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้า 1,132 ล้านบาท
สินค้าส่งออกประกอบด้วยรถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เป็นต้น รวมทั้งอาหารและผลไม้ สินค้าที่ไทยนำเข้าจากชิลี เช่น สินแร่ต่างๆสัตว์น้ำสดและแช่เย็นแช่แข็ง เยื่อกระดาษ เนื้อสัตว์แปรรูป ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับชิลี มีจุดเชื่อมโยงกัน 3 จุด คือ1.ไทยและชิลี มี FTA ระหว่างกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 58 โดยขณะนี้ได้มีการลดภาษีระหว่างกันเหลือ 0% ใน 98% ของรายการสินค้าที่ขายระหว่างกัน 2.ไทย-ชิลี เป็นสมาชิกเอเปคด้วยกัน 3.เป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกด้วยกัน
ส่วนประเด็นท่านทูตชิลีหยิบยกขึ้นมาหารือในวันนี้ มี 3 ประเด็นคือ 1.ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนชิลีจะขอเข้าร่วม FTA ระหว่างอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งตนก็ได้แจ้งท่านทูตว่าระหว่างวันที่ 21-22 กรกฎาคม จะมีการประชุมกรรมการร่วมระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียและ FTA อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ได้เชิญชิลีเข้าร่วมในการหารือเรื่องนี้แล้ว 2.ชิลีสนใจที่จะนำเข้าผลไม้ไทยมากขึ้นโดยเฉพาะ มังคุดและลองกองซึ่งเป็นที่นิยมของชาวชิลีมาก 3.ชิลีพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในการพัฒนาวัคซีนร่วมกันต่อไป
อย่างไรก็ตามไทยและชิลีได้มีหารใน 2 ประเด็นคือ ไทยของให้ทางชิลีช่วยสนับสนุนภาคเอกชนได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกของไทย 3 กิจกรรมในช่วงปีนี้ 1.กิจกรรม Online Business Matching ด้านอาหาร เครื่องประดับ และชิ้นส่วนยานยนต์ที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคมปีนี้ ซึ่งได้มีกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกาและแอฟริกาตอบรับเข้าร่วมหลายประเทศ 2.กิจกรรม THAIFEX Anuga ที่จะจัดขึ้นวันที่ 29 กันยายนถึง 3 ตุลาคม ที่ Impact เมืองทองธานี 3.กิจกรรม TILOG Virtual Exhibition ออนไลน์ ส่งเสริมการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการไทย วันที่ 25-27 สิงหาคมนี้
และประเด็นที่ 2 ไทยจะต้องเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ขอให้ชิลีช่วยสนับสนุนการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพของประเทศไทยซึ่งชิลีพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
“ ไทยสามารถใช้ชิลีเป็นประตูในการส่งออกสินค้าต่างๆไปยังกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา เหมาะที่จะเป็นจุดตั้งศูนย์กระจายสินค้าของไทยไปยังกลุ่มประเทศลาติน โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมสนับสนุนเอกชนที่จะไปลงทุนตั้งศูนย์กระจายสินค้า ประกอบกับ ชิลีจะเป็นตลาดใหญ่ในการส่งออก เช่น อาหารแปรรูปโดย เฉพาะทูน่า 5 เดือนแรกปีนี้บวก 15% สับปะรดกระป๋อง บวก 62% และเครื่องซักผ้าเครื่องอบผ้าบวก 94% ตู้เย็นตู้แช่ต่างๆบวก 82% ยางผลิตภัณฑ์ยางบวก 198% และรถยนต์อะไหล่รถยนต์บวก 63% เป็นต้น”
ภาพรวมถือว่าชิลียังเป็นตลาดสำคัญของไทยและสามารถขยายตัวได้ต่อไปอีกมากในอนาคตในการทำตัวเลขส่งออกซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการร่วมกับเอกชนและขณะนี้ประเทศไทยทำ FTA กับประเทศต่างๆรวมแล้ว 13 ฉบับ 18 ประเทศ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้าที่เราทำ FTA ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้บวกถึง 19% บวกมากกว่าอัตราตัวเลขเฉลี่ยกับโลกอยู่ที่ 15.9% ใน 5 เดือนแรกไทยกับประเทศคู่ค้าที่ทำ FTA สามารถทำมูลค่าการค้าได้ถึง 3.9 ล้านล้านบาท และสินค้าไทยที่ถือว่ายังมีศักยภาพมาก ในกลุ่มประเทศที่ทำ FTA สินค้าเกษตรทั้งสินค้าเกษตรกรรม ประมง ปศุสัตว์ ขยายตัวถึง 20% ขณะที่เฉลี่ยไทยกับโลกขยายตัวแค่ 14.3% นอกจากนั้นสินค้าที่มีศักยภาพของไทย คือ สินค้าเกษตรแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน Work from Home เป็นต้น