ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จับตาสถานการณ์ความชื้นในอากาศ และสภาพแวดล้อมเข้าเงื่อนไขที่จะขึ้นบิน เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงได้ ให้เร่งดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และพี่น้องประชาชน ในช่วงที่พบว่า กำลังประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงอย่างต่อเนื่อง หลายพื้นที่ยังมีปริมาณฝนน้อย และบางพื้นที่ไม่มีฝนตกมานานติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ตลอดจนเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ มีปริมาณน้ำน้อย
“ได้สั่งให้กรมฝนหลวงร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ตั้ง 13 หน่วยปฏิบัติการทั่วทุกภูมิภาค สนับสนุนอากาศยานและกำลังพลในการร่วมปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มีน้ำใช้ในพื้นที่การเกษตรอย่างเพียงพอ หากสภาพอากาศ มีความพร้อมที่จะขึ้นบินได้ ต้องเร่งขึ้นบิน ให้จับตากันตลอด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนจำนวนมากที่กำลัง ประสบภัยแล้งในช่วงฝนทิ้งช่วง และเร่งเติมน้ำในเขื่อน เพื่อสำรองไว้ให้เกษตรกรใช้ในช่วงฤดูแล้ง”
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้ว่า ช่วงนี้จะมีโอกาสเกิดฝนเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยกำชับ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ให้มีการติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศ มีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที
นอกจากนี้ได้รับรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.บุรีรัมย์ ได้มีการบินสำรวจพื้นที่การเกษตรและแหล่งน้ำในจังหวัดอำนาจเจริญและยโสธร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวนาปี การทำไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย และปลูกยางพารา โดยพบว่ามีพื้นที่บางส่วน เช่น บริเวณ อ.หัวตะพาน อ.มหาชนะชัย อ.ชานุมาน เริ่มมีความแห้งแล้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรได้
รวมถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยโพธิ์ จ.อำนาจเจริญ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 27.870% จากข้อมูลการบินสำรวจทั้งหมด ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.บุรีรัมย์จะนำมาวางแผนและติดตามสภาพอากาศเพื่อปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันด้านการปฏิบัติการฝนหลวงในภูมิภาคต่างๆ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ปฏิบัติการช่วยเหลือต่อเนื่องทุกวัน
โดยที่เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ได้มีการบินปฏิบัติการจำนวน 11 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.พะเยา ลำปาง เชียงราย กำแพงเพชร ลพบุรี สระบุรี นครราชสีมา อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น สกลนคร บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม สระแก้ว เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนจำนวน 5 แห่ง และอ่างเก็บน้ำจำนวน 8 แห่ง