จากเหตุอุทกภัยที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน กอนช. ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทย โดยอุทกภัยในครั้งนี้ มีสาเหตุจากฝนตกหนักบริเวณมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 มีปริมาณน้ำฝนตกสะสม 3 วัน จำนวน 624 มิลลิเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี จึงส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเมืองเจิ้งโจว (Zhengzhou) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ รวมทั้งทำให้เขื่อนและอ่างเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับวิกฤติ และปัจจุบันได้มีการยกระดับการประกาศเตือนภัยพายุใน 4 เมืองทางตอนเหนือแล้ว
วันนี้ (22 ก.ค. 64) ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า อุทกภัยที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เหตุการณ์นี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง กระทบต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 3 ล้านคน เสียชีวิต 33 คน สูญหาย 8 คน อพยพ 376,000 คน นอกจากนี้ระบบสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมยังได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีพืชผลทางการเกษตรเสียหายอีก 1.345 ล้านไร่ ความเสียหายเบื้องต้นถึง 6,196 ล้านบาท
ในส่วนที่มีหลายฝ่ายห่วงใยว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติขอเรียนว่า เหตุการณ์อุทกภัยดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณประเทศจีนตอนกลาง ซึ่งมีแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำเหลือง ที่ไม่มีการเชื่อมต่อของลำน้ำกับแม่น้ำล้านช้าง ที่เป็นต้นทางของแม่น้ำโขงในประเทศจีน ทำให้สถานการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงบริเวณประเทศไทย ทั้งนี้ กอนช. จะยังคงติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป